วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 เวลา 17:20 น.
ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมสารพัดเว็บ ตุ๋นเหยื่อโอนเงิน พบเงินหมุนเวียนกว่า 7,000 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา 5 ราย
ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และร่วมกันฟอกเงิน”
พร้อมทั้งตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน
1.คอมพิวเตอร์ 7 เครื่อง
2.โทรศัพท์ 10 เครื่อง
3. บัญชีธนาคาร 46 เล่ม
4. รถยนต์หรู 7 คัน
5. รถจักรยานยนต์ 2 คัน
6. โฉนดที่ดิน 2 ฉบับ
7. บัตร ATM 17 ใบ
8. เงินสด 8,688,590 บาท
9. ของมีค่าอื่นๆ อีก 79 รายการ
รวมมูลค่าของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ กว่า 83 ล้านบาท
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก เมื่อประมาณเดือน มิ.ย.66 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้ตรวจสอบพบเว็บไซต์แจ้งความออนไลน์ปลอม โดยมีการเลียนแบบเว็บไซต์ แอบอ้างชื่อและใช้ตราสัญญาลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง รวมทั้งหน่วยงานภายใต้สังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีกทั้งยังพบว่า กลุ่มมิจฉาชีพได้ใช้วิธียิงแอดโฆษณาผ่านเว็บไซต์สืบค้นข้อมูล (Google Ads) ซึ่งเมื่อมีประชาชนค้นหาคำว่า “แจ้งความออนไลน์” เว็บไซต์ปลอมที่คนร้ายสร้างขึ้นจะแสดงขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ทำการเพิ่มเพื่อนผ่านแอปพลิเคชันไลน์ที่มีการระบุไว้ในภายเว็บไซต์ เพื่อให้ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องที่จะแจ้งความ กลุ่มคนร้ายจะสวมรอยเป็นแอดมิน พูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้น ก่อนจะทำทีให้ผู้เสียหายติดต่อพูดคุยกับบุคคลซึ่งอ้างว่าเป็นทนายความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ โดยจะให้คำปรึกษา ชี้แนะ พร้อมทั้งให้ผู้เสียหายส่งหลักฐานเรื่องที่ต้องการแจ้งความไปให้
จากนั้นคนร้ายที่อ้างเป็นทนายความจะส่งเรื่องต่อไปยังฝ่าย IT (information technology) โดยฝ่าย IT จะอ้างตนต่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ และแจ้งกับผู้เสียหายว่าเงินที่ผู้เสียหายถูกโกงหรือถูกหลอกไป ได้ถูกนำไปฟอกในเว็บการพนันนออนไลน์ต่างประเทศ มิหนำซ้ำยังมีการทำแผนผังเส้นทางการเงินส่งให้ผู้เสียหาย พร้อมแจ้งว่า สามารถนำเงินดังกล่าวมาคืนกับผู้เสียหายได้ โดยใช้วิธีการแฮก (Hack) เว็บการพนันดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ คนร้ายจะให้ผู้เสียหายทำการสมัครสมาชิกและโอนเงินไปที่เว็บพนันดังกล่าว จากนั้นคนร้ายจะให้ผู้เสียหายเล่นการพนันตามที่คนร้ายบอก อ้างว่าเพื่อจะได้ทำการแฮกระบบ เอาเงินคืนให้แก่ผู้เสียหาย
หลังจากคนร้ายอ้างว่าได้ทำการแฮกระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะปรากฎยอดเงินในบัญชีเว็บไซต์การพนันของผู้เสียหายเพิ่มขึ้น โดยคนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าไปเพิ่ม เพื่อที่จะได้แฮกเงินคืนให้ได้มากกว่าเดิม แต่ท้ายที่สุดเมื่อผู้เสียหายจะถอนเงินออกมา ก็ไม่สามารถถอนได้ จากนั้นคนร้ายจะบล็อกช่องทางการติดต่อของผู้เสียหายทันที ทั้งนี้พบว่าภายในระยะเวลา 15 วัน มีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินให้กลุ่มคนร้ายมากกว่า 1,000 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 8 ล้านบาท
จากการสืบสวนพบว่า เว็บไซต์ปลอมดังกล่าวมีการใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา และมีการเช่าบริการเซิร์ฟเวอร์ (Server) ภายในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง โดย บก.ปอท. จึงได้ทำการตรวจค้นบริษัทที่ให้บริการเช่า เซิร์ฟเวอร์ (Server) ดังกล่าว
ผลการตรวจค้นพบฐานข้อมูลเว็บไซต์ที่ใช้และเคยใช้ในการฉ้อโกงออนไลน์ ในลักษณะชักชวนให้ลงทุนและซื้อสินค้าจำนวนมาก รวมทั้งเว็บไซต์ที่ทำปลอมกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง อีก 3 เว็บไซต์ โดยผู้ดูแลระบบใช้ IP-Address ที่เป็นของผู้ให้บริการของประเทศกัมพูชา เข้ามาแก้ไขข้อมูลต่างๆ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีการปลอมเว็บไซต์ทั้งหน่วยงานรัฐ, หน่วยงานเอกชน, องค์กรต่างๆที่ไม่มีอยู่จริง รวมถึงเว็บไซต์หลอกลงทุนต่างๆ รวมกว่า 133 เว็บไซต์ เช่น ตำรวจสอบสวนสวนกลาง, DSI, ตำรวจไซเบอร์
จากการตรวจสอบปัจจุบันพบเปิดใช้งานอยู่จำนวน 98 เว็บไซต์ (แบ่งเป็นเว็บพนันออนไลน์ 16 เว็บไซต์, หลอกสั่งซื้อสินค้า 9 เว็บไซต์, เว็บเงินกู้ 6 เว็บไซต์, เว็บลงทุนคริปโต 6 เว็บไซต์, เว็บสายการบินปลอม 3 เว็บไซต์, ติดตั้งแอปหลอกลวง 3 เว็บไซต์, เว็บหลอกสมัครงาน 1 เว็บไซต์) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการปิดไปแล้วจำนวน 10 เว็บไซต์
จากการสืบสวนเส้นทางการเงินยังพบว่า กลุ่มคนร้ายจะใช้บัญชีม้าในการรับโอนเงินจากผู้เสียหาย แล้วถ่ายเทเงินไปยังบัญชีม้าแถวต่างๆ จากนั้นจะนำเงินที่ได้ไปซื้อเหรียญสกุลเงินดิจิทัล (คริปโตเคอร์เรนซี) ผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ แล้วถ่ายเทไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ เพื่อเลี่ยงการถูกจับกุม ก่อนจะทำการส่งต่อไปยังกระเป๋าที่เป็นของกลุ่มคนร้ายที่เป็นระดับสั่งการหรือนายทุนต่อไป
โดยตั้งแต่เดือน มิ.ย.66 จนถึงปัจจุบัน บัญชีม้าและกระเป๋าเงินดิจิทัลต่างๆ ในกลุ่มของคนร้ายมียอดเงินหมุนเวียนมากกว่า 7,000 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับคนร้ายในขบวนการ แบ่งเป็น กลุ่มพนักงาน, กลุ่มโปรแกรมเมอร์, กลุ่มฟอกเงิน และกลุ่มระดับสั่งการหรือนายทุน จำนวน 12 ราย ประกอบด้วยคนไทย 8 ราย, คนกัมพูชา 1 ราย และคนจีน 3 ราย หนึ่งในนั้นคือ ผู้ต้องหาสัญชาติจีน ผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เชื่อได้ว่าอยู่ในระดับนายทุนและเป็นเจ้าของเว็บไซต์ปลอมดังกล่าว หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่าในช่วงระยะเวลา 4 เดือน ที่ผ่านมา ผู้ต้องหาสัญชาติจีน รายนี้ รับโอนเงินเข้ามายังบัญชีตัวเอง คิดเป็นเงินไทยประมาณ 175 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการออกหมายเรียกผู้ต้องหากลุ่มบัญชีม้าอีก 5 รายมารับทราบข้อกล่าวหา
กระทั่งวันที่ 14-15 พ.ย.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปอท. พร้อมด้วย กก.สสน.บก.ปอท., บก.ป., บก.ปอศ., บก.ปคบ. จึงเปิดปฏิบัติการทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ปลอมเว็บตำรวจสอบสวนกลาง(CIB) ร่วมกันตรวจค้น 9 เป้าหมาย ในพื้นที่ กรุงเทพมหานคร, นนทบรี, สมุทรสาคร, เชียงราย, สุราษฎร์ธานี และสระแก้ว สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 5 ราย ในจำนวนนี้ มี 4 รายที่ทำหน้าที่ในการฟอกเงิน และมีผู้ต้องหาทำหน้าที่เป็น ผู้ทำปลอม เลียนแบบ เว็บไซต์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) พร้อมทั้งดูแลระบบ และยิงแอดโฆษณา ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีการทำปลอมและเลียนแบบเว็บไซต์หน่วยงานราชการอีกกว่า 10 แห่ง ซึ่งในการเข้าตรวจค้นจับกุมครั้งนี้ ได้ตรวจยึดของกลางและทรัพย์สิน อาทิเช่น คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, เงินสด, รถยนต์หรู, กระเป๋าแบรนด์เนม, และเครื่องประดับต่างๆ รวมมูลค่าประมาณ 50 ล้านบาท
นอกจากนี้ การจับกุมดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบว่า หนึ่งในผู้ต้องหา อยู่ในขบวนการฟอกเงินอีกด้วย จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานไว้เพื่อดำเนินคดีกับเพิ่มเติม พร้อมทั้งขยายผลตรวจยึดทรัพย์สิน อาทิเช่น คอมพิวเตอร์, เงินสด, โฉนดที่ดิน, Hardware Wallet, รถยนต์และรถจักรยานยนต์หรู และกระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ามากกว่า 30 ล้านบาทเพิ่มเติมอีกด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลางทั้งหมด นำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปอท. ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ขณะที่ผู้ต้องหารายอื่นๆ และเจ้าของเว็บไซต์ปลอม (ซึ่งอยู่ระหว่างหลบหนีอยู่ต่างประเทศ) เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามตัวมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพ ขณะที่บางรายให้การภาคเสธ
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) แจ้งเตือนประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน โปรดใช้ความระมัดระวังในการใช้บริการต่างๆ ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ หากต้องการแจ้งความออนไลน์ สามารถแจ้งความร้องทุกข์ได้ที่ https://thaipoliceonline.com และจะต้องมีการลงทะเบียน ยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์ หรืออีเมลก่อนกรอกรายละเอียด และจะได้รับเลขรับแจ้งความออนไลน์ หรือ Case ID สำหรับใช้ติดตามความคืบหน้าทางคดี และไม่มีการให้เพิ่มเพื่อน หรือแอดไลน์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ หากประชาชนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงให้โอนเงิน หรือได้รับความเสียหาย สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์ AOC สายด่วน 1441 ที่มีกว่า 100 คู่สาย คอยให้คำปรึกษาและแก้ปัญหาภัยออนไลน์แบบ One Stop Service และสามารถอายัดบัญชีได้ตลอด 24 ชั่วโมง
1 กุมภาพันธ์ 2568
1 กุมภาพันธ์ 2568