หน้าแรก > สังคม

ผลวิจัยเผย มลภาวะจากการจราจร อาจทำให้ความดันโลหิตสูงได้

วันที่ 1 ธันวาคม 2566 เวลา 10:22 น.


1 ธันวาคม 2566  ผลการวิจัยซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ในวารสาร Annals of Internal Medicine ระบุว่ามลภาวะบนถนนไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่สะสมเมื่อเวลาผ่านไป แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของผู้คนในแทบจะทันทีอีกด้วย การศึกษานี้แสดงหลักฐานบางประการที่ชี้ให้เห็นว่าการนั่งรถยนต์ในสภาพการจราจรที่ติดขัดสัมผัสกับไอเสียเป็นเวลานานๆ อาจกระตุ้นให้เกิดสภาวะทางการแพทย์ เช่น หัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง  การศึกษาครั้งนี้เป็นครั้งแรกในการวัดทั้งมลพิษและผลกระทบต่อความดันโลหิตแบบเรียลไทม์จากภายในยานพาหนะขณะเดินทาง นักวิจัยเฝ้าติดตามมาตรการทั้งสองหลายสิบครั้งผ่านการจราจรในซีแอตเทิล

โจเอล คอฟแมน  แพทย์และศาสตราจารย์ด้านวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและชีวอนามัยแห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐฯ ระบุว่า มลพิษทางอากาศจากการจราจรอาจทำให้ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และอาจตกค้างไหลเวียนอยู่ในร่างกายได้นานถึง 24 ชั่วโมง ไม่ต่างอะไรจากการรับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ตามมาได้  ดดยเค้าได้ทำการวิจัยกับอาสาสมัครซึ่งเป็นผู้มีสุภาพแข็งแรง อายุระหว่าง 22 – 45 ปี จำนวน 16 คน ที่ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ในจำนวนนี้ 2 กลุ่ม จะนั่งในรถยนต์ที่ไม่ติดตั้งแผ่นกรอง และอากาศสามารถเข้าสู่ตัวรถได้ ตลอดการวิ่งบนถนนของเมืองซีแอตเทิลในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน

ส่วนอาสาสมัครอีกกลุ่ม จะนั่งในรถยนต์ ที่มีการติดตั้งแผ่นกรองเฮปา (Hepa) ที่มีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นที่สูงกว่าแบบปกติ แต่ผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะไม่ทราบว่าเป็นรถคันไหนและนักวิจัยดำเนินการวัดความดันโลหิตของผู้โดยสารทั้งก่อน ระหว่างและหลังการนั่งรถที่ใช้เวลา 2 ชั่วโมง

ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า อาสาสมัครที่หายใจเอาอากาศที่ไม่ได้กรองเข้าไปในร่างกาย มีความดันโลหิตเพิ่มขึ้นกว่า 4.5 มิลลิเมตรปรอด เมื่อเทียบกับกลุ่มที่นั่งในรถที่ติดตั้งแผ่นกรอง โดยมลพิษส่วนใหญ่มาจากท่อไอเสียหรือการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึง การสึกหรอของเบรกและยาง

ขณะที่ตัวกรองมีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดอนุภาคละเอียดพิเศษลงได้ถึง 86% ลดคาร์บอนดำที่ส่วนใหญ่เกิดจากน้ำมันดีเซล ได้ถึง 86% รวมถึง ลดฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ได้ 60% แต่ไม่สามารถกรองคาร์บอนไดออกไซด์ และไนโตรเจนออกไซด์ได้

ทั้งนี้พบว่าทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 8.3 ล้านคนในแต่ละปีเนื่องมาจากมลพิษทางอากาศ ตามการประมาณการจากการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน BMJ (เดิมชื่อ British Medical Journal) การศึกษาของ BMJ ระบุว่าการเลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจะป้องกันเกือบสองในสามของการเสียชีวิตเหล่านั้น

ที่มา nbcnews
 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม