วันที่ 19 มกราคม 2567 เวลา 13:17 น.
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้มายื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพื่อขอให้ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายในการไต่สวนและมีความเห็น เพื่อนำไปสู่การลงโทษ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ อดีตรมว.คมนาคม ว่าฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้อยแรงหรือไม่
หลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง คือ วันที่ 3 มี.ค.2566 อันเนื่องมาจากเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้างหุ้นส่วนจำกัดบุรีเจริญ ตอนสตรัคชั่น
แต่เรื่องนี้ไม่จบลงที่การสิ้นสุดของการเป็นรัฐมนตรี ซึ่งผลของคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร ก็ย่อมผูกพันหน่วยงานอิสระอย่างป.ป.ช.ด้วย การที่นายศักดิ์สยาม นำเสนอบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินไว้ยังป.ป.ช. ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ให้เห็นว่าเป็นการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จโดยชัดเจน เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่านายศักดิ์สยาม ยังคงเป็นหุ้นส่วนหรือเจ้าของหุ้นส่วนที่แท้จริงของห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น
จึงเป็นบทบาทหน้าที่ของป.ป.ช. จะต้องดำเนินการเรื่องการแจ้งรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ รวมทั้งประเด็นมาตรฐานทางจริยธรรมด้วย ซึ่งน่าจะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง ในหลายๆข้อ โดยศาลรัฐธรรมนูญก็ได้มีมาตรฐานออกมาชัดเจนไว้ตั้งนานแล้ว เรื่องนี้จึงมีความจำเป็นต้องให้ ป.ป.ช.ลงดาบที่สองกับนายศักดิ์สยามต่อไป แน่นอนว่าจะต้องมีการเว้นวรรคทางการเมือง ไม่ใช่แค่ 1-2 ปี แต่ต้องเป็น 10 ปี
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เรื่องการยุบพรรค เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตอนนี้ดำเนินการในเรื่องของนายศักดิ์สยามก่อน ส่วนเรื่องยุบพรรคก็ต้องดำเนินการต่อไป เพราะบอกแล้วว่าจะต้องมีไม้สามไม้สี่ต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชัดเจนเป็นที่สุดแล้ว และผูกพันกับหน่วยงานรัฐอื่นที่เกี่ยวข้อง จะเฉไฉเป็นอย่างอื่นไม่ได้ โดยในสัปดาห์หน้า ตนจะไปยื่นคำร้องต่อ กกต. ในเรื่องของการยุบพรรคต่อไป
ส่วนที่นายศักดิ์สยามลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และสส.พรรคภูมิใจไทยแล้ว ถือว่ายังไม่จบใช่หรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ความผิดเกิดขึ้นในขณะที่นายศักดิ์สยาม ดำรงตำแหน่งรมว.คมนาคม การลาออกจากตำแหน่ง สส. และเลขาธิการพรรคไม่เกี่ยวเลย เพราะความผิดเกิดขึ้นระหว่างที่ดำรงตำแหน่งไปแล้ว ผลผูกพันมาตั้งแต่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองแล้ว