วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 13:49 น.
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หรือ หมอดื้อ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กของตนเอง มีใจความว่า แก่แล้วกินยาแก้แพ้ อาจสมองพัง
ยาแก้แพ้ แก้เวียน เมารถ เมาเรือ ยาหดหู่ ซึนเศร้า ยาลดปัสาวะบ่อย ยาเหล่านี้นอกจากเรื่องแพ้ เวียนหัว บ้านหมุน ยังนำมาใช้เป็นยานอนหลับเฉพาะกิจ และยังมีสรรพคุณลดอาการสั่นที่เจอในโรคพาร์กินสันได้ดีพอสมควร
มีการจัดอันดับความแรงของยา เป็น 1-2-3 โดยแรงมากคือ เบอร์ 3 ที่ถูกจัดเป็นแรงมาก เช่น ยาแก้แพ้ ยาแก้เวียน ยาอารมณ์ดีด้านเศร้า ยาช่วยอาการปัสสาวะลำบากหรือผิดปกติรวมทั้งช้ำรั่ว
โดยมีการตั้งข้อสังเกตว่า ยากลุ่มต่างๆที่มีฤทธิ์ AC นี้จะมีผลทำให้สมองเฉื่อยชาไม่แล่น
ทั้งนี้ มีกลุ่มในการศึกษาที่ไม่ได้ใช้ยากลุ่มต้าน 350 ราย และกลุ่มที่ใช้ยา AC ในระดับฤทธิ์ 2 และ 3 (AC+) 52 ราย ลักษณะประจำกลุ่มที่คล้ายคลึงกันคือ อายุเฉลี่ย 73 ปี ผู้ชาย ผู้หญิงใกล้เคียงกัน ระดับการศึกษาพอกัน มียีนอัลไซเมอร์ (28% AC+ เทียบกับ 25% ใน AC-) เป็นคนขาว (84.6 ต่อ 94.2%)
นอกจากนี้ ปริมาณชนิดของยาที่ใช้ประจำใกล้กัน ทั้งสองกลุ่มนี้มีไม่มากนัก ที่เคยเป็นอัมพฤกษ์ โรคหัวใจ หรือเคยผ่าตัดหัวใจ เส้นเลือด หรือเป็นเบาหวาน รวมทั้งเป็นโรคนอนกรน อากาศไม่เข้าสมอง (ซึ่งอาจสุ่มเสี่ยงสมองเสื่อม) หัวใจเต้นระริก AF ซึ่งจะมีลิ่มเลือดไปอุดเส้นเลือดสมอง โรคซึมเศร้า กังวล นอนไม่หลับ รวมทั้งสมาธิสั้น โรคจิต และอุบัติเหตุสมอง
การติดตามสมองมีทั้งการประเมินพุทธิปัญญา การตรวจดูเมตาบอลิซึมของสมองด้วยเครื่อง PET scan (FDG) ดูการใช้กลูโคสของสมอง รวมทั้งดูความเหี่ยวฝ่อของสมอง โดยใช้คอมพิวเตอร์สมองสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) โดยมีการวัดขนาดปริมาตรของสมองแต่ละส่วนอย่างละเอียดเป็นระยะ
จากการติดตาม 96 เดือน ผลปรากฏว่า กลุ่ม AC+ มีความฝ่อของสมองทั้งปริมาตร เปลือกสมองและบริเวณกลีบขมับ (ควบคุมความจำ) และเนื่องจากสมองฝ่อเลยทำให้มีช่องโพรงน้ำในสมองกว้างขึ้น รวมทั้งมีการทำงานถดถอยจากการตรวจสมองด้วย PET Scan
การตรวจทางพุทธิปัญญามีทั้งความจำ การทำงานด้านการจัดการ พบมีคะแนนเลวกว่ากลุ่ม AC- โดยเฉพาะกลุ่ม AC+ ที่ใช้ยาแรงระดับ 3 กลไกของยา AC ไม่ทราบแน่ชัด จะอย่างไรก็ตาม ยาแก้แพ้รวมยากลุ่มอื่นๆทางปัสสาวะและช้ำรั่ว ยาอารมณ์ดี เป็นยาสำคัญและมีประโยชน์ ดังนั้น ต้องพิจารณาความจำเป็นและขนาดของยาที่ใช้ และระยะเวลาที่ใช้