วันที่ 29 มิถุนายน 2567 เวลา 15:38 น.
เมื่อวันศุกร์ที่ 28 มิ.ย.67 เวลา 10.00 น. ณ อาคารสัมมนาและฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท., พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ปฏิบัติการ DAY HUNTER กรณีตำรวจไซเบอร์บุกค้น 6 จุดกลางกรุง เครือข่ายอ้างคนดังหลอกวัยเกษียณลงทุนรวบผู้ต้องหากว่า 30 ราย ยึดของกลางเพียบ
สืบเนื่องจาก บก.สอท.3 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุหลายราย ว่าได้ถูกคนร้ายหลอกให้ลงทุนผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “PENFOLD” และผ่านแอปพลิเคชันชื่อ “IBTM” จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วประมาณ 40 เคสไอดี รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท
โดยพฤติการณ์ของคนร้าย มักสร้างเฟซบุ๊กปลอมแอบอ้างผู้มีชื่อเสียงด้านการลงทุน เช่น อาจารย์คเชน เบญจกุล, ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล เป็นต้น หรือ ใช้วิธีการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มเฟซบุ๊กจริงที่เกี่ยวกับการลงทุน จากนั้นคนร้ายจะติดต่อเหยื่อเพื่อแนะนำหรือชักชวนให้เหยื่อลงทุนกับคนร้าย หากเหยื่อหลงเชื่อ คนร้ายจะให้เหยื่อแอดไลน์ส่วนตัวเพื่อสอนวิธีการเทรดหุ้น โดยคนร้ายสร้างตัวตนในไลน์ว่าเป็นผู้ช่วยด้านการลงทุน จากนั้นให้เหยื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันที่เกี่ยวกับการลงทุนซึ่งคนร้ายได้สร้างปลอมขึ้นมา แล้วหลอกให้เหยื่อโอนเงินมาลงทุนเป็นระยะ จำนวนหลายครั้ง หากเหยื่อต้องการถอนเงิน คนร้ายจะอ้างเหตุผลต่างๆ เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่มก่อนถึงจะถอนเงินได้ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้จริง
เจ้าหน้าที่ได้นำกำลังออกร่วมปฏิบัติการ จนสามารถสืบสวนเส้นทางการเงินพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขออำนาจศาลออกหมายจับกลุ่มคนร้ายได้จำนวน 66 หมายจับ และได้ขอหมายค้นต่อศาลเพื่อทำการตรวจค้นเป้าหมายได้สำเร็จ จำนวน 6 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร สามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ได้จำนวน 30 ราย ทั้งกลุ่มแอดมิน ผู้จัดหาบัญชีม้า รวมทั้งบัญชีม้า
โดยมีผู้ต้องหาสำคัญคือ น.ส.ปานชีวันฯ อายุ 33 ปี และ น.ส.ชานิภาฯ อายุ 39 ปี ซึ่งเป็นบุคคลใกล้ชิดกับชาวจีนระดับหัวหน้าขององค์กร โดยทั้ง 2 คนทำหน้าที่เป็นผู้จัดหาบัญชีม้าและจัดหาคนเข้ามาทำงานในองค์กร โดยวิธีการประกาศรับสมัครงานผ่านทางเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 14 เครื่อง โทรศัพท์ จำนวน 6 เครื่อง เอกสารการรับสมัครงาน สมุดบัญชีธนาคาร เอกสารสคริปต์บทสนทนาของคนร้ายที่เตรียมไว้สำหรับหลอกเหยื่อ และเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกหลายรายการ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, เป็นอั้งยี่, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, สมคบกันโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงิน เพราะเหตุที่ได้พบกัน, และร่วมกันฟอกเงิน” นำตัวผู้ต้องหาและของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พร้อมนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จากการตรวจค้น ส่งตรวจพิสูจน์เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม และเร่งขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมต่อไป