วันที่ 17 พฤศจิกายน 2567 เวลา 05:45 น.
24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 16 พฤศจิกายน 2567
>> เหี้ยมโหด พบหญิงถูกตัดนิ้วนาง 2 ข้าง ทิ้งศพหมกสวนปาล์มระยอง ล่าสุดนำตัวเพื่อนผู้ตายไปสอบยังให้การปฏิเสธ
09.00 น. พ.ต.อ.พัฒนา รอบรู้ ผกก.สภ.วังจันทร์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน เร่งหาเบาะแส กรณีเมื่อเวลา 19.30 น.ของวันที่ 15 พ.ย.ที่ผ่านมา พบศพผู้หญิงอายุประมาณ 50 ปี นอนเสียชีวิตคว่ำหน้าอยู่ริมถนนลูกรังภายในสวนปาล์ม ม.3 ต.ป่ายุบ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง
ตรวจสอบสภาพศพ พบบาดแผลที่หน้าถูกของแข็งทุบจนแตกยุบ ท้ายทอยมีบาดแผลถูกฟัน นอกจากนี้ นิ้วนางทั้งสองข้างถูกตัดขาดหายไป ใกล้กันพบรองเท้าสีน้ำตาล 1 คู่ ลิปสติก แว่นตา ที่คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยไม่พบหลักฐานว่าเป็นใครมาจากไหน คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง โดยทราบว่าผู้เสียชีวิต ชื่อ นางวรรณา อายุ 67 ปี ตรวจสอบทรัพย์สินของผู้ตาย สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท , สร้อยข้อมือทองคำหนัก 3 บาท , แหวนเพชร 2 วง และเงินสดหายไป
จากการสอบปากคำญาติและผู้เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการเชิญตัวผู้ต้องสงสัยคือนางกมลวรรณ อายุ 57 ปี ไปสอบปากคำที่ สภ.หนองขาม สอบปากคำกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว แต่ทางผู้ต้องสงสัยยังคงให้การปฏิเสธ โดยระบุแต่เพียงว่าไม่ทราบว่าผู้เสียชีวิตไปไหน ไปกับใคร ในขณะที่ทางฝั่งสามีผู้ต้องสงสัย ขณะนี้ไม่อยู่ในพื้นที่
>> กทม. จัดเก็บกระทง ปี 67 ยอดลดลง 20% ใช้วัสดุธรรมชาติ 98.39% ลอยรักษ์โลกผ่านออนไลน์ - ดิจิทัล 4.7 หมื่นใบ
10.00 น. นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ และสำนักงานเขต 50 เขต ได้จัดเก็บกระทงที่ประชาชนนำมาลอยเนื่องในเทศกาลลอยกระทงกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2567 ในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งสำนักสิ่งแวดล้อม จัดเก็บกระทงในแม่น้ำเจ้าพระยา สำนักการระบายน้ำ จัดเก็บในคลองและบึงรับน้ำที่รับผิดชอบ สำหรับสำนักงานเขต 50 เขต จัดเก็บในสวนสาธารณะที่เปิดให้ประชาชนลอยกระทง และบริเวณที่จัดงานภายในพื้นที่เขต โดยเริ่มจัดเก็บกระทงตั้งแต่เวลา 20.00 น. ของวันที่ 15 พ.ย. 67 แล้วเสร็จก่อนเวลา 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น (16 พ.ย. 67)
สำหรับในปี 2567 กรุงเทพมหานคร จัดเก็บกระทงได้จำนวนทั้งสิ้น 514,590 ใบ เป็นกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ จำนวน 506,320 ใบ คิดเป็นร้อยละ 98.39 กระทงที่ทำจากโฟม จำนวน 8,270 ใบ คิดเป็นร้อยละ 1.61 สำหรับจำนวนกระทงทั้งหมดลดลงจากปีก่อน 125,238 ใบ คิดเป็นร้อยละ 19.57 โดยสถิติปี 2566 จัดเก็บกระทงได้ 639,828 ใบ เป็นกระทงที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ 618,951 ใบ และกระทงโฟม 20,877 ใบ ในส่วนของการลอยกระทงออนไลน์ ซึ่งเป็นปีแรกที่กรุงเทพมหานครเชิญชวนประชาชนลอยกระทงออนไลน์ผ่านทางเว็บไซต์ในบรรยากาศเสมือนจริงของสวนสาธารณะของกรุงเทพมหานคร ทั้ง 34 แห่ง และริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไอคอนสยาม มีประชาชนร่วมลอยกระทง จำนวน 36,832 ใบ ส่วนการลอยกระทงดิจิทัลในพื้นที่ 4 จุด มีจำนวน 10,885 ใบ
>> ต้านกระแสไม่ไหว! วัดถ้ำเสือ ยอมถอดป้ายแล้ว หลังประกาศเก็บค่าบำรุงวัด 20 บาท หลังถูกโจมตีหนัก
11.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปยังวัดถ้ำเสือ อีกครั้ง โดยพบว่า ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวที่วัดแห่งนี้กันตามปกติ แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่มากเหมือนก่อนที่จะมีข่าวเรื่องการเรียกเก็บเงินค่าบำรุงวัดก็ตาม ขณะเดียวกัน พบว่าทางวัดได้ดำเนินการถอดป้ายเรียกเก็บค่าบำรุงวัดซึ่งเคยติดอยู่ตามบริเวณลานจอดรถและพื้นที่ต่าง ๆ ภายในวัดรวม 5 จุด ออกจนหมดแล้ว แต่เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามจะสอบถามข้อมูลจากทางเจ้าอาวาสของวัดถ้ำเสือ ก็ไม่พบตัวของเจ้าอาวาสแต่อย่างใด มีเพียงเจ้าหน้าที่ของจังหวัดที่ให้ข้อมูลว่า เจ้าอาวาสสั่งให้พนักงานของวัดดำเนินการถอดป้ายออกตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าตรู่ที่ผ่านมาเท่านั้น
สอบถามไปยังพระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ถึงเรื่องที่วัดถ้ำเสือได้มีการถอดป้ายดังกล่าวออกไปจนหมด ซึ่งทางเจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากได้มีการนำเสนอข่าวเรื่องของการจะเรียกเก็บเงินค่าบำรุงวัดคนละ 20 บาทออกไปตามสื่อต่าง ๆ เมื่อวานที่ผ่านมา ทางเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีคำสั่งมายังตนให้เข้าไปพูดคุยเจรจากับทางเจ้าอาวาสวัดถ้ำเสือ ซึ่งหลังได้รับคำสั่ง ตนได้เดินทางเข้าไปยังวัดถ้ำเสือตั้งแต่เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ 16 พ.ย. 67 โดยหลังจากได้มีการพูดคุยกับทางเจ้าอาวาสวัดถ้ำเสือ ได้ยินยอมที่จะถอดป้ายเรียกเก็บเงินค่าบำรุงวัดทั้งหมดจำนวน 5 ป้ายออกเรียบร้อย
ส่วนหากทางวัดมีความประสงค์ต้องการที่จะหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ภายในวัดนั้น ตนได้ให้คำแนะนำไปว่า ควรใช้ข้อความบนป้ายในลักษณะขอความร่วมมือ หรือบอกบุญไปอย่างนักท่องเที่ยว และผู้ที่เดินทางมาทำบุญที่วัดจะดีกว่าที่จะเป็นลักษณะของการบังคับเรียกเก็บค่าบำรุงวัด 20 บาท อย่างที่ทางวัดได้กระทำที่ผ่านมา
>> สืบนครบาล สืบ 9 ร่วม สน.หลักสอง บุกรวบ 36 นักพนัน ย่านชุมชนมณฑล 7 คืนลอยกระทง
13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบนครบาล , บก.น.9 และสน.หลักสอง ร่วมประชุม วางแผน ภารกิจในเข้าตรวจและจับกุมตามข้อมูลเบาะแส การลักลอบเล่นการพนัน บริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ในบริเวณชุมชน มณฑล 7 เลียบคลองทวีวัฒนา
เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวมีลักษณะเป็นชุมชนที่มีการจัดทำทางเข้า - ออก สำหรับเดินเท้า (ขนาดเล็ก) เพียง 2 ช่องทาง และมีการจัดทำประตูรั้วหลายชั้น โดยหลังจากทราบข้อมูลแน่ชัดว่ามีการลักลอบเล่นการพนันในห้องพัก บ้านไม่มีเลขที่ หลังที่ 3 จึงได้วางกำลังซุ่มสังเกตุการณ์อย่างต่อเนื่อง โดยเจ้าหน้าที่สามารถเข้าทำการจับกุม นายภาณุสิทธิ์ อายุ 42 ปี อ.เมืองนครปฐม จ.นครปฐม เจ้ามือ กับพวกรวม 36 คน โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า "เป็นผู้จัดให้มีการเล่นพนันไฮโลเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต" และ "ลักลอบเล่นการพนันไฮโลเอาทรัพย์สินกัน โดยไม่ได้รับอนุญาต" ประกอบด้วย ผู้ต้องหา จำนวน 36 คน ชาย 28 คน หญิง 8 คน ควบคุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป
>> เด็ก 8 ขวบ เกาะเรือเก็บเงินในกระทง พลัดตกจมแม่น้ำสูญหาย
14.00 น. พนักงานสอบสวน สภ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี รับแจ้งเหตุมีเด็กชายอายุ 8 ขวบ จมน้ำบริเวณท่าน้ำข้างวัดพูนสิม ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ ประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยจีตัมเกาะ และกู้ภัยสว่างบูชาธรรม จัดนักประดาน้ำเข้าตรวจสอบ
เพื่อนผู้เสียชีวิต เล่าว่า ด.ช.เอ (นามสมมติ) ได้มาชวนตนออกมาตกเบ็ดบริเวณท่าน้ำ ระหว่างนั้นเห็น ด.ช.เอ ได้เกาะเรือหางยาวของชาวบ้านที่จอดไว้ที่ท่าน้ำเพื่อจะลงไปเอากระทง แต่มือเกิดหลุดจากเรือ ทำให้จมน้ำหายไป ขณะที่เจ้าหน้าที่นักประดาน้ำของมูลนิธิ ได้ลงงมหาร่าง ด.ช.เอ กว่า 5 ชั่วโมง จนพบร่างจมอยู่ใต้น้ำห่างจากตลิ่งตรงที่หายไปประมาณ 20 เมตร โดยเจ้าหน้าที่ได้มอบร่างผู้เสียชีวิต ให้กับครอบครัว ด.ช.เอ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> กองปราบฯ นำกำลัง พร้อมหมายศาล บุกจับ “ กฤษอนงค์” คาบ้านพักญาติย่านลำลูกกา
14.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม กว่า 10 นาย ได้นำหมายจับของศาลอาญารัชดาภิเษก และหมายค้นของศาลธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี เข้ามายังบริเวณบ้านพักย่านลำลูกกา ของ น.ส.กฤษอนงค์ โดยเมื่อมาถึงตำรวจได้แสดงหมายค้นและอ่านหมายจับให้ น.ส.กฤษอนงค์ โดยเจ้าหน้าที่ ได้ชี้แจงหมายจับและรายละเอียดให้รับทราบ ก่อนนำ น.ส.กฤษอนงค์ตรวจค้นบ้าน ขณะที่ตำรวจกองปราบอีกชุดหนึ่งได้นำกำลัง กว่า 10 นาย เข้าไปตรวจค้นภายในบ้านพักที่ลาดพร้าว เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม
>> ดีเอสไอ ตรวจพบเจ้าหน้าที่รัฐ จ.กระบี่ เอี่ยวในคดีทำเอกสารปลอม 316 ฉบับ ออกโฉนดเถื่อน ส่ง ป.ป.ช. พิจารณา
17.30 น. จากกรณีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้มีหนังสือขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ตรวจสอบหนังสือแสดงการทำประโยชน์ (กสน.5) จำนวน 316 ฉบับ ที่ได้ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเอกสารปลอม ซึ่งอาจมีการนำไปใช้ในการออกโฉนดที่ดินในเขตนิคมสหกรณ์คลองท่อมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนตรวจสอบหนังสือปลอม จำนวน 316 ฉบับ พบว่า มีเจ้าหน้าที่นิคมสหกรณ์คลองท่อม เข้าไปเกี่ยวข้องในการปลอมเอกสารเป็นกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ โดยมีบุคคลที่มีชื่อในเอกสารปลอมดังกล่าวเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและกระทำโดยมีเจตนาเพื่อ ยึดถือครอบครองที่ดินของรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ดีเอสไอ พิจารณาแล้วเห็นว่าการกระทำของเจ้าหน้าที่เป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและการกระทำของราษฎรเป็นการกระทำความผิดอันเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท และเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกันกับความผิดของเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการที่จะต้องดำเนินการในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งอยู่ในอำนาจไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช
>> คอมมานโดบุกรวบ นายกอบต. พร้อมพวก ร่วมกันฉ้อโกง เสียหายนับร้อยล้าน
19.30 น. พ.ต.อ.สมบูรณ์ สีแดง ผกก.สภ.นครไทย พร้อมชุดสืบสวนจังหวัดพิษณุโลก และหน่วยคอมมานโด กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เกือบร้อยนาย เปิดปฏิบัติการ “ฟ้าสางที่นาบัว” ที่หน้า สภ.นครไทย โดย ผกก.ได้นำหมายค้นและหมายจับจำนวน 16 หมาย
โดยผู้ต้องหามีตำแหน่งเป็นประธานและคณะกรรมการหมู่บ้านธนาคารหมู่บ้าน ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงและร่วมกันกู้ยืมเงิน ซึ่งปฏิบัติการวันนี้เป็น 1 ใน 8 คดี มีผู้เสียหาย 700 คน ความเสียหาย 107 ล้านบาท โดยหากรวม 8 คดีมูลค่าความเสียหายกว่า 400 ล้านบาท ขณะการเปิดปฏิบัติการช่วงรุ่งเช้านั้น เจ้าหน้าที่ได้แบ่งกำลังกระจายไปหมู่บ้านนาบัว อ.นครไทย ตามที่อยู่ของหมายจับทั้ง 16 หมาย ซึ่งอยู่ละแวกเดียวกัน
โดยเน้นไปหมายค้นบ้านประธานธนาคารหมู่บ้าน คือ นายสมศักดิ์ ซึ่งมีตำแหน่งนายก อบต.นาบัว เมื่อเจ้าหน้าที่อ่านหมายจับ นายสมศักดิ์ ได้เอะอะโวยวาย ต่อว่า ผกก.สภ.นครไทยว่ามาบ้านตนถึง 3 รอบแล้ว ขณะที่ลูกสาวสีหน้าและอารมณ์ไม่ดี โวยวายกับสื่อมวลชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่บุกจับกุม แต่สุดท้าย นายสมศักดิ์ ก็ยอมนั่งรถของตำรวจไปยัง สภ.นครไทยทันที
>> รวบลูกเขยหึงโหด ควงลูกซองบุกยิงอดีตพ่อตา-แม่ของแฟนเก่าดับ ขณะผู้ต้องหาป่วยติดเตียง
20.20 น. กองบังคับการปราบปราม ร่วมกับตำรวจสภ.เมืองสุรินทร์ เข้าจับกุม นายสุวัฒน์ อายุ 55 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมา ลงวันที่ 10 พ.ย. 2560 ข้อหา “ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ” ได้ในกระท่อมกลางไร่อ้อย บ้านห้วยยาง หมู่ที่ 4 ต.โพนสูง อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2560 นายสุวัฒน์ ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนลูกซองบุกไปยิง นายวิรัตน์ อายุ 69 ปี อดีตพ่อตาจนบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา และบุกยิง นางรำพึง อายุ 65 ปี ทราบว่าเป็นแม่แฟนเก่าของอดีตภรรยาจนเสียชีวิตอีก 1 ศพ ก่อนหลบหนีไป โดยขณะเข้าจับกุมพบว่าผู้ต้องหายังต้องนอนติดเตียงช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เพราะเพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลมาเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ หลังจากต้องเข้ารับการรักษา ด้วยอาการเส้นเลือดในสมองแตกอีกด้วย