วันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 เวลา 11:51 น.
สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความกับทาง สภ.เมืองอุทัยธานี ว่าขณะที่ผู้เสียหายกำลังเล่นเฟซบุ๊กผ่านมือถืออยู่นั้น ก็ได้มีแชตทักเข้ามาส่วนตัว ซึ่งก็คือเพื่อนสนิทของผู้เสียหาย เริ่มเล่าถึงความเดือดร้อนทางการเงิน และสุดท้ายจบลงด้วยการขอยืมเงิน ผู้เสียหายก็หลงเชื่อเพราะด้วยความที่สนิทกับเพื่อนและเกิดความสงสาร
จึงหลงเชื่อโอนเงินไปให้ที่บัญชีชื่อ น.ส.ดา ซึ่งตอนแรกก็สงสัย จึงทักกลับไปถามเพื่อนในแชท แล้วตอบกลับว่าบัญชีของตนเองถูกระงับ ให้โอนมาที่บัญชีของเพื่อนก่อน ผู้เสียหายไม่ได้เอะใจ จึงโอนเงินให้ ต่อมาได้คุยกับคนในครอบครัว และคิดว่าน่าจะถูกหลอก จึงตัดสินใจโทรไปสอบถามเพื่อนที่แชตมายืมเงิน ปรากฎความแตก ไม่ได้มีการยืมเงินกันจริง แต่ก็สายเกินไป จึงเดินทางมาแจ้งความ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.สอท.4 ได้สืบสวนจนทราบว่า น.ส.ดา เจ้าของบัญชีธนาคารดังกล่าว ได้หลบหนีมาทำงานอยู่บริเวณกรุงเทพกรีฑา จึงมาทำการตรวจสอบ และในวันที่ 25 พ.ย.67 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน นำหมายจับของศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ 128/2567 ลงวันที่ 13 มิ.ย.2567 เข้าจับกุมตัว น.ส.ดา ได้ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง”
จากการสอบถาม น.ส.ดา ให้การภาคเสธ อ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องหลอกทางเฟซบุ๊ก เมื่อซักถามต่อ น.ส.ดา ให้การว่าเมื่อช่วงปลายปี 64 ตนเองประสบปัญหาด้านการเงิน และมีเพื่อนมาขอให้เปิดบัญชีม้า ซึ่งตนก็มีบัญชีของธนาคารแห่งหนึ่งอยู่แล้ว และประกอบกับตอนนั้น พ.ร.ก.มาตรการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยียังไม่บังคับใช้ การสแกนใบหน้ายังไม่มี ตนจึงแค่เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ที่ผูกกับโมบายแบงค์กิ้งเป็นเบอร์ที่ผู้ซื้อบัญชีม้าต้องการ โดยไม่ต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคารแต่อย่างใด ซึ่งผู้ต้องหาก็รู้ตัวดีว่าสักวันต้องโดนจับ