หน้าแรก > ภูมิภาค

ตำรวจทางหลวงตามยึดรถต้องสงสัยคืนเจ้าของขณะจะนำออกชายแดน

วันที่ 2 ธันวาคม 2567 เวลา 05:03 น.


ตำรวจทางหลวงตามยึดรถต้องสงสัยคืนเจ้าของขณะจะนำออกชายแดน

วันที่ 1 ธ.ค.67 กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดย พ.ต.อ. ภคพล สุชล ผกก.2 บก.ทล. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ทล.6 กก.2 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นายมงคลฯ อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนง ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับ “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและกระทำโดยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป” ของกลาง รถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ รุ่น MU-Xสีเทา  ตรวจยึดจาก นายชาติชายฯ อายุ 40 (เป็นผู้ขับขี่) โดยจับกุม จุดตรวจร่วมแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม หน่วยบริการฯ ตำรวจทางหลวงไทรโยค จุดดาวดึงส์ได้ออกตรวจในพื้นที่ผิดชอบเส้นทางถนนแสงชูโต (ทล.323) ขณะออกตรวจพื้นที่ได้พบรถยนต์ ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น MU-X สีเทา มีพิรุธต้องสงสัย จึงทำการส่งสัญญาณให้จอดแต่ผลปรากฏว่ารถคันดังกล่าวได้ทำการเร่งเครื่องรถเพื่อหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได้ขับติดตามไปอย่างกระชั้นชิด พร้อมกับได้แจ้งสกัดจับทางวิทยุสื่อสารไปที่ด่านตรวจสามแยกทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งคาดว่ารถยนต์คันดังกล่าวน่าจะขับขี่ผ่านเมื่อรถยนต์คันดังกล่าวไปถึงด่านตรวจสามแยกทองผาภูมิ จึงได้หยุดรถ

เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงซึ่งขับติดตามไปจึงได้ร่วมตรวจสอบรถต้องสงสัย พบนายชาติชายฯ เป็นผู้ขับขี่ มีชายไทยรวม 4 คน นั่งอยู่ภายในรถยนต์ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์ ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและหมายจับ ตรวจสอบพบ 1 ใน 4 มีหมายจับเคยชิงทรัพย์นักศึกษาสร้อยคอทองคำ หนัก 1 บาท ก่อเหตุในพื้นที่ สน.ประเวศ ทราบชื่อ นายมงคลฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญาพระโขนงที่ 396 / 2567 ลงวันที่ 8 กรกฎาคม 2567 ผู้ต้องหาตามหมายจับ “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยมีอาวุธและกระทำโดยประการอื่นเพื่อไม่ให้เห็นหรือจำหน้าได้และใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำความผิดหรือเพื่อสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป”

จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ตรวจสอบทะเบียนรถที่ติดมากับตัวรถคันดังกล่าว ผลปรากฎว่าทะเบียนที่ติดมากับรถยนต์คนดังกล่าวไม่ปรากฎข้อมูลในระบบกรมการขนส่งทางบก และจากการตรวจสอบหมายเลขเครื่อง ทะเบียนรถที่ตรงกับรถยนต์คันที่นายชาติชายฯ ขับมาเป็นรถยนต์จดทะเบียนซึ่งมีนายอินทัชฯ  เป็นผู้ครอบครองอยู่ สอบถามนายชาติชายฯ (ผู้ขับขี่) ให้การว่ายืมรถมาจากนายเป้เพื่อนที่นครปฐมจะขับไปเที่ยวที่ อ.สังขละบุรี เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงทำการตรวจยึดรถคันดังกล่าวไว้เพื่อตรวจสอบ และทำการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับส่ง  สน.ประเวศ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

หลังจากวันเวลาจับกุม/ตรวจยึด เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงได้ติดต่อไปยังผู้ครอบครองรถยนต์  ชื่อนายอินทัชฯ ซึ่งนายอินทัชฯ (ผู้ครอบครองรถ) ให้การว่า เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ได้ยืมเงินจำนวน 500,000 บาท (ไม่ได้ทำสัญญา) มาจากเจ้าหนี้ที่เพื่อนแนะนำมาเพื่อใช้จ่ายภายในครอบครัว กำหนดคืนเงินวันที่ 1 กันยายน 2566 ต่อมาเมื่อกำหนดคืนบริษัทที่นายอินทัชฯ ทำงานอยู่มีปัญหารวบรวมเงินไม่ทัน จึงขอผัดผ่อนแต่เจ้าหนี้ไม่ยอม จากนั้นเจ้าหนี้เดินทางมาข่มขู่เพื่อยึดรถของนายอินทัชฯ หลังผ่านวันกำหนดคืนเงินเจ้าหนี้ได้มานำเอารถคันดังกล่าวไป โดยไม่มีการโอนหรือเปลี่ยนผู้ครอบครองใดๆ และชื่อผู้ครอบครองรถยังเป็นชื่อของนายอินทัชฯ หลังเกิดเหตุ มารดาของนายอินทัชได้ไปแจ้งความที่ สภ.บ้านฉาง ว่าโดนข่มขู่ ต่อจากนั้นประมาณ 2-3 วันเจ้าหนี้ได้เดินทางมาพร้อมกับผู้ใหญ่บ้าน เพื่อจะขอยึดบ้านหลังที่นายอินทัชฯ  กับมารดาพักอาศัยอยู่เพื่อใช้หนี้อีก 1 หลัง แต่นายอินทัชฯไม่ยอม เจ้าหนี้จึงใช้วิธีการข่มขู่ มารดานายอินทัชฯซึ่งมีบุตรชายเป็นนายอินทัชเพียงคนเดียวจึงกลัวว่าจะได้รับอันตราย จึงยอมขายบ้านหลังดังกล่าวให้กับเจ้าหนี้ โดยเจ้าหนี้บังคับทำสัญญาซื้อขาย และบังคับให้มารดานายอินทัชลงนามชื่อในสัญญาดังกล่าว นายอินทัชฯ จึงต้องพามารดาย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่ข้างนอก และรถยนต์คันที่ถูกเจ้าหนี้เอาไปยังเป็นชื่อนายอินทัชฯ เป็นผู้ครอบครอง นายอินทัชฯจึงต้องผ่อนชำระตามปกติ เพราะกลัวถูกไฟแนนซ์ฟ้องเอาผิดกับตน

ทราบข้อมูลดังนั้น ผกก.2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง จึงเป็นตัวกลางในการประสานงานระหว่างนายอินทัชฯ ผู้ครอบครองรถกับ สภ.ทองผาภูมิ กรณีการคืนรถยนต์ที่ถูดยึดไว้ให้กับผู้ครอบครองรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี ได้พานายอินทัชฯ ผู้ครอบครอง มารับมอบรถยนต์ที่ได้ตรวจยึดไว้ที่ สภ.ทองผาภูมิ คืนเรียบร้อย นายอินทัชฯ ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงกาญจนบุรี เป็นอย่างมาก ที่ได้ให้ความช่วยเหลือติดตามรถคืนกลับมาได้

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม