วันที่ 3 ธันวาคม 2567 เวลา 14:41 น.
ตำรวจสอบสวนกลาง แถลงปฏิบัติการ “Annihilate Hybrid Scam” ทลายแก๊ง หลอก-รัก-ลวง-ลงทุน สร้างความเสียหายกว่า 46 ล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ รอง ผบก.ปอท. ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนจับกุมคดีสำคัญซึ่งเกี่ยวกับขบวนการเครือข่ายหลอกลงทุนที่หลอกลวงประชาชนให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
สืบเนื่องจากสถานการณ์การหลอกลวงทางออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มคนร้ายที่มีการสร้างตัวตน หรือเรื่องราวเพื่อสร้างความน่าไว้ใจให้กับเหยื่อ จนกระทั่งเหยื่อหลงเชื่อโอนทรัพย์สินให้ กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้20ราย และแจ้งข้อหาฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบ, ร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันเป็นอั้งยี่”
พฤติการณ์ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีการเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมเรื่อยมาให้เหมาะสมกับเหยื่อและสถานการณ์เพื่อให้สามารถหลอกลวงเหยื่อให้ได้ทรัพย์สินมากที่สุด โดยมีรูปแบบการทำงานคล้ายกับบริษัทที่แสวงหาผลกำไรสูงสุดในองค์กร โดยการหลอกลวงลักษณะหลอกให้รักแล้วชักชวนลงทุนฉ้อฉลเอาทรัพย์สินของผู้เสียหายไปหรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “ไฮบริดสแกม” ก็มีการเปลี่ยนรูปแบบพฤติกรรมเช่นเดียวกัน โดยเมื่อประมาณกรกฎาคม 2567 ได้มีเฟซบุ๊กใช้ชื่อปลอม แอบอ้างเป็นบุคคลหน้าตาดีมีฐานะ สร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้เสียหาย โดยแกล้งทักผิดมาหาเฟซบุ๊กผู้เสียหาย
ในช่วงแรกคนร้ายจะพูดคุยสร้างความสนิมสนมกับเหยื่อประมาณ 1 เดือน ระว่างนั้นมีการวีดีโอคอลหาผู้เสียหายโดยคนร้ายใช้ AI การสร้างภาพเคลื่อนไหวให้มีหน้าตาเหมือนกับเฟซบุ๊กปลอมทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวกำลังพูดคุยอยู่กับตนเองจริงๆ โดยเมื่อเหยื่อเริ่มเชื่อโดยสนิทใจแล้วจึงได้เริ่มพูดคุยชักชวนผู้เสียหายลงทุนเพื่อสร้างกำไร โดยส่งลิงก์ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอม ชื่อ “Streaming” ให้ผู้เสียหายดาวโหลดลงโทรศัพท์มือถือและหลอกให้ทำการลงทุน โดยเมื่อเหยื่อหลงเชื่อโอนเงินให้กับแก๊งคนร้าย คนร้ายได้ส่งแหวนเพชรและช่อดอกไม้มาให้ผู้เสียหายเพื่อสร้างความเชื่อใจมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยผู้เสียหายได้โอนเงินจำนวนมากขึ้นเรื่อย รวมจำนวนทั้งหมด 45 ครั้ง เป็นเงินกว่า 45.8 ล้านบาท ซึ่งท้ายสุดผู้เสียหายเชื่อว่าโดนหลอก คนร้ายยังยอมรับกับผู้เสียหายว่าตนถูกบังคับให้ทำงานที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และได้ขอร้องให้ผู้เสียหายโอนเงินมาเพื่อเป็นค่าไถ่ตัวเองตนเอง จำนวน 200,000 บาท แต่ผู้เสียหายไม่หลงเชื่อ และได้เข้าแจ้งความ
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. ได้สนธิกำลังเปิดปฏิบัติการ “ทลายแก๊งไฮบริดสแกม" โดยเข้าทำการตรวจค้น/จับกุม กลุ่มผู้ร่วมขบวนการการกระทำความผิดดังกล่าว ตรวจค้น จำนวน 21 จุด 11 จังหวัด ทั่วประเทศไทย โดยแบ่งเป็นพื้นที่ จังหวัดกรุงเทพฯ 1 จุด, จังหวัดเชียงรายจำนวน 6 จุด, จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 2 จุด,จังหวัดมุกดาหารจำนวน 2 จุด, จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 2 จุด, จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 2 จุด, จังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 2 จุด, จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 1 จุด, จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 1 จุด, จังหวัดปราจีนบุรี จำนวน 1 จุด,จังหวัดนครราชสีมา จำนวน 1 จุด โดยจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 20 ราย โดยจากการจับกุม สามารถจับกุมสมาชิกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จำนวน 1 ราย แก๊งฟอกเงินคริปโตเคอเรนซี่ จำนวน 1 ราย, แก๊งกดเงินสดและจัดหาบัญชีม้า จำนวน 9 รายและผู้เจ้าของบัญชีม้าที่ใช้ในการกระทำความผิด จำนวน 9 ราย ยึดของกลางและทรัพย์สินต่างๆ ทั้งหมด รวม 208รายการ อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชี ซิมโทรศัพท์ บัตรประชาชนของบุคคลอื่น สลิปฝากเงินสด นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยขบวนการนี้ถือเป็นเครือข่ายใหญ่ มีกลุ่มระดับผู้บริหารจัดการองค์กร โดยมีนายยุทธชัย 1 ในผู้ต้องหาลำดับที่ 1 ทำหน้าที่ล่ามและเป็นผู้จัดการในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ของนายทุนชาวจีน โดยมี 10 ทีม ในแต่ละทีม มีพนักงานเป็นคนไทยและคนลาวรวมประมาณ 8-10 คน แบ่งหน้าที่กันหลวอกเหยื่อ
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆของนายยุทธชัยเพิ่มเติม พบว่าในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ยังมีการใช้แอปพลิเคชันปลอมในการหลอกลวงผู้เสียหาย 5 แอปพลิเคชัน คือ Streaming, TellMall, ETF Trade, Fhxcm และFxcm โดยตรวจสอบจากข้อมูลการรับแจ้งความออนไลน์จากระบบ Thaipoliceonline พบว่า มีจำนวน 29 คดี ความเสียหายประมาณ 63 ล้านบาท
1 กุมภาพันธ์ 2568
1 กุมภาพันธ์ 2568