หน้าแรก > ต่างประเทศ

นักวิจัยจีนพบชิ้นส่วน ‘เกราะเกล็ด’ ยุคราชวงศ์ฮั่น เก่าแก่ 2,000 ปี

วันที่ 9 ธันวาคม 2567 เวลา 14:39 น.


หนานชาง, 9 ธ.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันเสาร์ (7 ธ.ค.) คณะนักวิจัยด้านโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมของจีนเปิดเผยการค้นพบใหม่ว่าเศษชิ้นส่วนโบราณวัตถุที่ขุดพบจากสุสานขุนนางหลิวเฮ่อหรือขุนนางแห่งไห่ฮุนในมณฑลเจียงซีทางตะวันออกของจีน ซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี มีแนวโน้มเป็นส่วนหนึ่งของเกราะเกล็ดที่ทำจากวัสดุหลายประเภท

สถาบันโบราณคดีและโบราณวัตถุทางวัฒนธรรมมณฑลเจียงซีระบุว่านี่เป็นครั้งแรกที่ค้นพบเกราะเกล็ดหรือเกราะประกอบจากวัสดุต่างๆ อย่างเหล็กเคลือบเงา ทองแดง และหนังสัตว์ ระหว่างการขุดสำรวจทางโบราณคดีในแหล่งโบราณคดียุคราชวงศ์ฮั่น (202 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ปี 220) ซึ่งสะท้อนเทคนิคการทำเกราะที่มีฝีมือชั้นยอดในยุคสมัยนั้น

หยางจวิน หัวหน้าทีมขุดสำรวจ กล่าวว่าคณะนักวิจัยดำเนินการศึกษาอย่างละเอียดลออนานกว่า 2 ปี และฟื้นฟูเศษชิ้นส่วนแผ่นเกราะที่ขุดพบจากส่วนฝังอาวุธของสุสานขุนนางหลิวเฮ่อราว 6,000 ชิ้น รวมถึงมีดและดาบหลายเล่ม

ไป๋หรงจิน ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยและอนุรักษ์อาวุธจากสถาบันโบราณคดี สังกัดสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์แห่งชาติจีน กล่าวว่าชิ้นส่วนแผ่นเกราะขนาดเล็กที่สุดกว้างเพียง 1 เซนติเมตร และหนาราว 0.2 เซนติเมตร ทำให้เป็นแผ่นเกราะเกล็ดขนาดเล็กที่สุดที่ขุดพบจากแหล่งโบราณคดียุคราชวงศ์ฮั่น

ไป๋กล่าวว่าเกราะเกล็ดมักถูกขุดพบในสุสานยุคราชวงศ์ฮั่นมากที่สุดและส่วนใหญ่ทำจากวัสดุประเภทเดียว ซึ่งชิ้นส่วนแผ่นเกราะแต่ละชิ้นกว้าง 4-10 เซนติเมตร โดยชิ้นส่วนแผ่นเกราะยิ่งเล็กเท่าไร ยิ่งต้องมีจำนวนมากขึ้น เพื่อประกอบเป็นเกราะที่สมบูรณ์ แสดงถึงความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นในกระบวนการผลิต

ไป๋เสริมว่าการค้นพบเกราะจากสุสานขุนนางหลิวเฮ่อหรือขุนนางแห่งไห่ฮุนมอบข้อมูลสำคัญสำหรับการศึกษาเทคนิคการทำเกราะในราชวงศ์ฮั่น

อนึ่ง สุสานขุนนางหลิวเฮ่อหรือขุนนางแห่งไห่ฮุนเป็นหนึ่งในสุสานหลวงเพียงไม่กี่แห่งที่ไม่ถูกปล้นขโมยสิ่งของมีค่า และมีเก่าแก่ที่สามารถสืบย้อนกลับถึงยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (202 ปีก่อนคริสต์ศักราช-ปี 25) โดยการขุดสำรวจสุสานแห่งนี้ยังเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางโบราณคดีอันมีนัยสำคัญมากที่สุดของจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วย

คณะนักวิจัยได้เริ่มต้นขุดสำรวจสุสานขุนนางหลิวเฮ่อหรือขุนนางแห่งไห่ฮุนในปี 2011 และค้นพบโครงร่างของเขาภายในโลงศพ ซึ่งฝังอยู่ในส่วนโถงด้านในของสุสาน โดยมีการเคลื่อนย้ายโครงร่างออกมาวิจัยเพิ่มเติมในเดือนมกราคม 2016

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม