วันที่ 15 ธันวาคม 2567 เวลา 10:20 น.
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ร่วมกันจับกุม ผู้ต้องหาจำนวน 2 ราย คือ นายวี อายุ 30 ปี และนายมี อายุ 23 ปี โดยกล่าวหาว่ากระทำผิดฐาน “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” และจับกุมได้ด้านหลังอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม ถนนเทียมร่วมมิตร
เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจาก ทีมสืบสวนเข้าตรวจสอบ พบว่ามีการกระทำความผิดตามที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน โดยแก๊งเงินกู้นอกระบบดังกล่าว เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตรา และมักจะมาเก็บงวดค่าเงินกู้เป็นประจำทุกวันช่วงเวลาพักกลางวัน โดยจะขับรถจักรยานยนต์มาด้วยกัน 2 คน สวมหมวกกันน๊อคเต็มใบ เมื่อเก็บเงินได้แล้วก็จะขึ้นรถจักรยานยนต์ขับขี่ออกไป
ต่อมา บก.ป. วางกำลังโดยรอบลานจอดรถภายในกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งคนร้ายมักจะมาจอดรถ
ณ บริเวณดังกล่าวอยู่เป็นประจำก่อนจะเดินลงไปทวงหนี้จากผู้เสียหาย จากนั้น ได้มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน๊อคเต็มใบ ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็กซ์ 155 สีแดง กรุงเทพมหานคร ลักษณะตรงตามข้อมูลที่ได้จากการสืบสวนก่อนหน้านี้ มาจอดที่บริเวณลานจอดรถดังกล่าว จากนั้นได้เดินลงไปยังศูนย์อาหารชั้นใต้ดินของอาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ เพื่อทำการเก็บเงินกู้ และดอกเบี้ย จากกลุ่มลูกหนี้
โดยขณะนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งแฝงตัวติดตามคนร้ายทั้ง 2 ไป ได้สังเกตการณ์อยู่โดยตลอด หลังจากเห็นว่าคนร้ายทั้ง 2 ได้ทำการเก็บเงินเสร็จสิ้นแล้ว ขณะที่คนร้ายกำลังเดินกลับมาที่รถจักรยานยนต์เพื่อจะขับขี่ออกไปนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้สัญญาณกันในชุดบุกเข้าชาร์จตัวคนร้าย แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการตรวจค้น พบธนบัตรรัฐบาลไทยที่กระเป๋าของคนร้ายมีหมายเลขตรงกันกับธนบัตรฯที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนการจับกุม ยืนยันว่าคนร้ายทั้ง 2 รายได้กระทำความผิดจริง
จากการซักถามคนร้ายทั้ง 2 ให้การยอมรับว่ามีการให้กู้ยืมเงินแก่กลุ่มผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดจริง โดยตนเองนั้นจะหาลูกค้าซึ่งต้องการจะกู้ยืมเงินนอกระบบมาให้กับนายทุนชื่อ แกรม ไม่ทราบชื่อสกุลจริง เมื่อลูกค้ากู้สำเร็จตนเองจะได้ส่วนแบ่งเป็น % จากนายทุน และมีหน้าที่ในการวิ่งเก็บงวดเงินกู้รายวันส่งนายทุนอีกทอดหนึ่ง
โดยในกลุ่มแก๊งดังกล่าวจะมีผู้ที่ทำหน้าที่วิ่งเก็บงวดเงินกู้รายวันหลายราย จะมีการแบ่งสายในการวิ่งเก็บเงินกู้ไม่วิ่งทับสายกัน ซึ่งสายของผู้ต้องหาทั้ง 2 รายนี้มีชื่อว่า ทรัพย์หลักชัย 5 มีคนชื่อ นายเตย ไม่ทราบชื่อสกุลจริงทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการเพิ่มยอดจากลูกค้า และมีคนชื่อ นายตั้ม ไม่ทราบชื่อสกุลจริงเป็นที่ปรึกษาคอยดูแลสายทรัพย์หลักชัย 5 ในการวิ่งเก็บงวดเงินกู้อีกที โดยมี นายแกรม ไม่ทราบชื่อสกุลจริงเป็นหัวหน้าแก๊งของสมาชิกทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ทำการรวบรวมข้อมูลขยายผล
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหาและแจ้งสิทธิให้ นายวีและนายมี ทราบ จากนั้นทำบันทึกจับกุมรวมรวมเอกสารพยานหลักฐานนำตัว พร้อมของกลาง จำนวน 6 รายการ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในข้อหา “ร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับในทางการค้าปกติ โดยไม่ได้ขออนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และให้บุคคลอื่นยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด” ซึ่งจากการสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา