ตำรวจทางหลวง จับหนุ่มขับรถหรู แต่สวมทะเบียนป้ายแดงปลอม อ้างเป็นรถของแฟนสาว ซื้อมาจากศูนย์รถยนต์มือสอง

(23 ม.ค.68) กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ต.ก่อเกียรติ เกียรติตั้ง สว.ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล., ร.ต.อ.พีรพงษ์ กล่ำพลบ รอง สว.(ป) ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล. พร้อมเจ้าหน้าที่ ส.ทล.1 กก.3 บก.ทล.

ร่วมกันจับกุม นายพอ (นามสมมุติ) อายุ 31 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์ส่วนบุคคล สีดำ และแผ่นป้ายทะเบียนเพื่อขายหรือซ่อม (ป้ายแดง) ปลอม จำนวน 2 แผ่น
สถานที่จับกุม บริเวณ ทล.34 กม.12+500 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ

พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงฉะเชิงเทรา ออกตรวจเพื่อป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและป้องกันการแข่งรถในทางตลอดจนตรวจสอบรถยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมที่ใช้บนทางหลวง เมื่อถึงบริเวณ ทล.34 กม.12+500 ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จว.สมุทรปราการ พบรถยนต์ส่วนบุคคล สีดำ ติดแผ่นป้ายทะเบียน (ป้ายแดง) ซึ่งต้องสงสัยใช้ป้ายทะเบียนปลอม (ป้ายแดงต้องสงสัยเป็นป้ายปลอม) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้เปิดสัญญาณไฟวับวาบแสงสีแดง ส่งสัญญาณให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุดเพื่อตรวจสอบ

จากการตรวจสอบพบนายพอ เป็นผู้ขับขี่ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบป้ายทะเบียน (ป้ายแดง) ของรถยนต์คันดังกล่าว จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า แผ่นป้ายแดงดังกล่าว ไม่มีลายน้ำเครื่องหมายราชการกรมขนส่งทางบก ไม่มีเลขกำกับบริเวณมุมล่างด้านซ้ายของป้าย และไม่มีสมุดคู่มือประจำรถใช้กับเครื่องหมายพิเศษ (ป้ายแดง) จึงได้แจ้งให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐาน “ใช้เอกสารทางราชการปลอม” นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางแก้ว เพื่อตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียนดังกล่าวกับกรมการขนส่งทางบก และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เบื้องต้นผู้ต้องหารับว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถของแฟนสาว ซึ่งซื้อมาจากศูนย์รถยนต์มือสอง ในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่กลางปี 2567 โดยป้ายทะเบียนป้ายแดงดังกล่าวตนได้ขอมาจากศูนย์รถยนต์ ซึ่งตนไม่ทราบว่าเป็นแผ่นป้ายทะเบียนที่กรมการขนส่งทางบกได้อนุญาตให้ใช้ได้หรือไม่ ซึ่งรถคันดังกล่าวได้รับแผ่นป้ายทะเบียนจริงแล้ว แต่ไม่ได้นำมาติด

ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย ฝากประชาสัมพันธ์ประชาชนว่า อย่าใช้แผ่นป้ายทะเบียนรถปลอม ย้ำอาจมีความผิดฐานปลอมเอกสารราชการ มีโทษจำคุกสูงสุด 5 ปี ปรับสูงสุด 100,000 บาท ซึ่งจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม ดำเนินคดีอาญาเพื่อรับโทษตามกฎหมายต่อไป