วันที่ 25 มกราคม 2568 เวลา 04:31 น.
รอง ผบช.น. นำทีมสืบนครบาล สนธิร่วมกับพื้นที่กระทุ่มแบน ไล่ล่าแก๊งค้าอาวุธสงครามรายใหญ่ ได้พร้อมของกลางเพียบ จ.สมุทรสาคร
เมื่อเวลา 21.30 น.ของวันที่ 24 มกราคม 2568 พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น.,พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รองผู้บังคับการ รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร, พ.ต.อ.สร ซื่อตรงพานิช ผกก.สภ.กระทุ่มแบน,พ.ต.ท.ชุมพล ฉัตร์สงวนชัย รอง ผกก.สภ.กระทุ่มแบน,นายณัฐพล บุญทวี ปลัดอาวุโสอำเภอกระทุ่มแบน, เรือตรี นิติพัฒน์ ซื่อดี ปลัดอำเภอกระทุ่มแบน เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล, ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอกระทุ่มแบน
ได้ร่วมกันเผยผลการจับกุมผู้ลักลอบค้าอาวุธสงคราม ที่กำลังเดินทางเข้ามาหาที่พักอาศัยภายในซอยสันติปรีชา หมู่ที่ 2 ต.ดอนไก่ดี อำเภอกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อรอส่งสินค้าให้กับลูกค้าต่อไป โดยสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาไว้ได้ 1 คน คือ นายกอ (นามสมมุติ) อายุ 28 ปี พร้อมกับรถยนต์แบบ SUV 7 ที่นั่ง ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน ฉะเชิงเทรา นอกจากนี้ยังมีรถยนต์เก๋งสีขาว ยี่ห้อนิสสัน ทะเบียน ชลบุรี จอดทิ้งอยู่ด้านหน้ารถของนายกอ อีก 1 คัน ส่วนคนขับหลบหนีไปได้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ออกติดตามจับกุมตัว
ขณะที่จากการตรวจค้นรถยนต์เก๋ง คันสีขาว พบที่เก็บของท้ายรถมีอาวุธสงครามพร้อมเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก โดยถูกห่อปิดผนึกมาอย่างดี ซึ่งจากการตรวจพบมีของกลางประกอบด้วย อาวุธปืน M79 จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนอาร์ก้าพับฐาน จำนวน 1 กระบอก, อาวุธปืนอาร์ก้าไม่พับฐาน จำนวน 5 กระบอก, แม็กกาซีน จำนวน 17 อัน, กระสุนปืนขนาด 7.62 จำนวน 11 กล่อง กล่องละ 720 นัด รวมทั้งสิ้นเกือบ 8,000 นัด และ กระสุนปืนกล M60 อีกกว่า 500 นัด
พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สั่งกำชับให้ระดมกวาดล้างผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้าง รวมทั้งกวาดล้างผู้ที่ลักลอบค้าอาวุธปืน อาวุธสงครามและเครื่องสุนปืน ซึ่งจากการสืบทราบของกองบังคับการสืบสวนนครบาล ก็ปรากฏว่า แก๊งผู้ต้องหาชุดนี้มีลักษณะที่จะก่อเหตุลักลอบ นำเข้า เกี่ยวกับเรื่องของอาวุธปืน และอาวุธสงคราม ซึ่งจากประวัติของผู้ต้องหานั้น ทาง บก.สืบสวนฯ เคยเข้าค้นบ้านพักแต่ปรากฏว่า ช่วงนั้นไม่พบของกลาง แต่ผู้ต้องหาก็เคยมีประวัติเรื่องของการครอบครองปืน พื้นที่ สภ.ไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี กระทั่งวันนี้ทาง บก.สืบสวน ก็สืบทราบว่าจะมีการลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนสงครามจึงได้มีการติดตามสะกดรอยสกัดกั้นมาจนถึงจุดดังกล่าวนี้ ปรากฏว่ารถยนต์เก๋งคันนี้(รถนิสสัน) ซึ่งเป็นรถที่นำพาอาวุธปืนสงครามซุกซ่อนมานั้น ทางคนขับกับเพื่อนหลบหนีไปได้ แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ไล่ตามจับอยู่ ส่วนอีกคัน (รถยนต์ SUV อีซูซุ) ซึ่งขับตามมาข้างหลัง และเป็นรถของต้องหาที่ถูกจับกุมได้นั้น ก็ทำหน้าที่เป็นสเกาท์หน้า สเกาท์หลังที่คอย ประคองรถคันนี้มาและจากการตรวจค้นก็พบอาวุธปืนขนาด M79 จำนวน 1 กระบอก มีการซีนใส่ถุงมาอย่างดี ซึ่งปืนก็ต้องทำการตรวจว่ามีสภาพใช้งานได้จริงหรือเปล่า แต่ดูจากที่เห็นน่าจะใช้งานได้จริง นอกจากนี้ยังมีปืนอาร์ก้าพับฐาน 1 กระบอก สภาพเหมือนใหม่ ทำสีใหม่ใช้งานได้จริง แล้วก็ปืนอาร์ก้าที่ไม่ได้พับฐาน ทั้งหมด 5 กระบอก สภาพใช้งานได้ ซึ่งทั้งหมดจะถูกแพ็คมาอย่างดีพร้อมกับมีแม็กกาซีนคู่กันเลย อีกทั้งยังมีตัวแม็กกาซีน ทั้งหมด 17 อัน,กระสุนปืนขนาด 7.62 จำนวน 11 กล่อง กล่องละ 720 นัด รวมทั้งสิ้นราวๆ 8,000 นัด และ กระสุนปืนกล M60 อีกกว่า 500 นัด แต่ยังไม่เจอปืน
ในส่วนนี้ก็จะมีการขยายผลผู้ต้องหาว่าไปรับของมาจากใคร แต่เบื้องต้นทราบได้ว่าไปรับมาจากในเขตอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว แล้วก็ลักลอบนำมาถึงจุดนี้ โดยทางเราก็จะขยายผลต่อไปว่า ใครเป็นเจ้าของและใครเป็นผู้รับซื้อต่อจากผู้ต้องหาเหล่านี้ ซึ่งปฏิบัติการครั้งนี้ก็ถือว่าได้มีการระงับยับยั้งได้อย่างรวดเร็ว เพราะถ้าหากอาวุธปืนเหล่านี้หลุดออกไปถึงมือคนร้ายที่รับช่วงต่อ ก็เกรงว่าอาจจะเกิดอะไรแก่พี่น้องประชาชนได้ วันนี้นับเป็นความสำเร็จของทีมงานสืบสวน บช.น ที่ประสานงานกับทางตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร และฝ่ายปกครอง ที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาและของกลางเหล่านี้ไว้ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราก็จะต้องขยายผลต่อไป รวมถึงการติดตามผู้ต้องหาที่หลบหนีให้ได้ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนเรื่องของค่าจ้างนั้น ทางผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ให้การยอมรับว่า ตนเองเป็นคนที่ช่วยเหลือและรู้เห็นการกระทำทั้งหมด โดยวางแผนเมื่อตอนเที่ยงของวันนี้ (24 ม.ค.) นัดพบกันกับผู้ต้องหาที่หลบหนีไป จากนั้นก็ไปรับของทั้งหมดมาจากอรัญประเทศ โดยทางผู้ต้องหาบอกว่า เคยทำแบบนี้มา 2 – 3 ครั้งแล้ว แต่เป็นเรื่องของบุหรี่เถื่อน แต่ครั้งนี้ร่วมกันเอาของมาเป็นกระสอบ แล้วมารู้ทีหลังว่าเป็นอาวุธปืน โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท ส่วนการซื้อขายเป็นแบบการติดต่อกันทางโทรศัพท์ ราคาขายอยู่ที่กระบอกละ 40,000 – 60,000 บาท และของที่นำมานี้ก็เพื่อที่จะนำมาพักไว้ก่อนในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน โดยก่อนที่จะถูกจับกุมได้นั้นน่าจะเป็นการขับรถวนหาที่พักกันชั่วคราวก่อนที่จะนัดส่งมอบของต่อให้กับผู้ซื้อรายต่อไป ที่อาจจะอยู่ในพื้นที่อำเภอกระทุ่มแบน
ทั้งนี้ในส่วนของนายกอ ถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า มีอาวุธปืน(สงคราม) และเครื่องกระสุนปืน(สงคราม) ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และถูกควบคุมตัวไปสอบสวนขยายผลถึงผู้ร่วมขบวนการต่อไป
เครดิต คนข่าวสาคร ฯ