วันที่ 25 มกราคม 2568 เวลา 23:06 น.
ปคม.รวบหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการหลอกส่งหญิงไทยบังคับค้าประเวณี ที่เมืองอาบูดาบี
กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) โดย พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รอง ผบก.อก.บช.ส.รรท.ผบก.ปคม. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นาง แสน (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดย มิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบเพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีฯ” จับกุมได้ที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง หมู่ 9 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ
สืบเนื่องจากเมื่อเดือนมิถุนายน 2567 กระทรวงต่างประเทศได้ช่วยเหลือหญิงไทย จำนวน 3 ราย ที่ถูกหลอกลวงให้ไปทำงานร้านนวดแล้วถูกบังคับให้ค้าประเวณีที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ และ ดำเนินการตามกลไกการส่งต่อระดับชาติเพื่อการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหาย (National Referral Mechanism) เพื่อให้สืบสวนสอบสวนดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย และคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการ
ค้ามนุษย์
จากการสืบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุกลุ่มผู้เสียหายได้รับการติดต่อชักชวนจากนาง แสน (นามสมมุติ) ซึ่งมีคนแนะนำให้รู้จักกัน ให้ไปทำงานร้านนวด ของน.ส.บุญ (นามสมมุติ) ที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ โดยอ้างว่า มีรายได้ดี มีลูกค้าเยอะ ซึ่งจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ผู้เสียหายทั้งหมด กลุ่มผู้เสียหายจึงหลงเชื่อ จึงได้เดินทางไปทำงานร้านดังกล่าว เมื่อไปถึงได้พบกับนาย มู (นามสมมุติ) ชาวบังคลาเทศ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านดังกล่าว
ปรากฏว่าโดนบังคับให้ค้าประเวณี โดยยึดหนังสือเดินทางและกักขังไว้ภายในร้าน โดยมีการ์ดคุมตลอด 24 ชั่วโมง ไม่สามารถออกไปไหนได้ ทั้งโดนถูกข่มขู่ว่าหากไม่ยินยอมทำงานจะโดยทำร้ายร่างกาย โดยต้องทำงานขายประเวณีเพื่อหาเงินชดใช้ค่าเดินทางที่ได้ออกให้กับผู้เสียหายคนละ 70,000 บาท จึงจะสามารถเดินทางกลับได้ กลุ่มผู้เสียหายจึงต้องจำยอมทำการขายประเวณีให้กับทางร้านอยู่ 3 วัน สบโอกาส จึงหลบหนีออกมาจากร้านดังกล่าว แล้วประสานสถานกงสุลไทย ประจำประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ เข้าช่วยเหลือให้เดินทางกลับมาประเทศไทย
เจ้าหน้าที่ตำรวจกก.2 บก.ปคม. ได้สืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบผู้กระทำความผิดในคดีนี้ และสามารถออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการได้ จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย
1.น.ส.บุญ (นามสมมุติ) อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 (เป็นคนชักชวน และเป็นภรรยาของนายมู (นามสมมุติ) (ที่เปิดร้านนวดอยู่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์)
2.นางแสน (นามสมมุติ) อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นคนชักชวนผู้เสียหาย พาผู้เสียหายไปทำหนังสือเดินทาง และพาผู้เสียหายไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ
3.นายมู (นามสมมุติ) สัญชาติบังกลาเทศ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 (เป็นเจ้าของซ่องที่บังคับให้ผู้เสียหายขายบริการทางเพศ)
4.นายซัน (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาที่ 4 (เป็นการ์ดประจำซ่องที่บังคับ
ให้ขายบริการทางเพศ)
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้สืบสวนจนพิสูจน์ทราบตัวผู้ร่วมขบวนการที่หลอกผู้เสียหายไปทำงาน ที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์และได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลออกหมายจับ จนนำไปสู่การจับกุมนาง แสน (นามสมมุติ) ซึ่งทำหน้าที่ในการชักชวนผู้เสียหายซึ่งหนึ่งในผู้เสียหายเป็นหลานสาวของตนเอง เพื่อไปทำงานร้านนวดโดยได้พาผู้เสียหายไปทำพาสปอร์ตเอกสารการเดินทางและพาไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อเดินทางไปทำงานที่เมืองอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้สืบทราบว่า นาง แสน (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาที่ 2 ได้พักอาศัยและเปิดร้านคาราโอเกะ ในซอยแบริ่ง ต.สำโรงเหนือ จว.สมุทรปราการ จึงได้วางแผนเข้าจับกุมตัวนาง แสน (นามสมมุติ) ผู้ต้องหาหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการได้ ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่เหลือหลบหนีอยู่ต่างประเทศ จึงได้แจ้งข้อกล่าวให้ทราบว่า “ร่วมกันกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ โดยเป็นธุระจัดหา ซื้อ ขาย จำหน่าย พามาจากหรือส่งไปยังที่ใด หน่วงเหนี่ยวกักขัง จัดให้อยู่อาศัย หรือรับไว้ซึ่งบุคคลใด โดยข่มขู่ ใช้กำลังบังคับ ลักพาตัว ฉ้อฉล หลอกลวง ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้อำนาจครอบงำบุคคลด้วยเหตุที่อยู่ในภาวะอ่อนด้อยทางร่างกาย จิตใจ การศึกษา หรือทางอื่นใดโดยมิชอบ เพื่อแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีฯ”
ควบคุมตัวผู้ต้องหานำส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วนประผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ต่างประเทศ จะได้ประสานตำรวจสากลเพื่อออกหมายแดงและติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหา ให้การภาคเสธว่าตนเองได้ชักชวนผู้เสียหายไปทำงานที่ร้านของ น.ส.บุญ (นามสมมุติ) และนายมู (นามสมมุติ) สัญชาติบังกลาเทศจริง โดยเป็นผู้พาไปทำหนังสือเดินทางและพาไปส่งสนามบิน แต่ไม่ทราบว่ากลุ่มผู้เสียหายจะถูกบังคับให้ขายบริการ เข้าใจว่าเป็นงานร้านนวดปกติ