หน้าแรก > การเมือง

นายกฯ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2567

วันที่ 31 มกราคม 2568 เวลา 16:34 น.


นายกฯ เปิดทำเนียบฯ ต้อนรับผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2567 ขอบคุณและชื่นชมในความสามารถที่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขของไทย

วันนี้ (31 มกราคม 2568) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์นายแพทย์อภิชาติ อัศวมงคลกุล คณบดีคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะรองประธานมูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ นำผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2567 เข้าเยี่ยมคารวะนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีนายรอเบิร์ต เอฟ โกเด็ก (H.E. Mr. Robert F. Godec) เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย และนายมาร์ก กุดดิง (H.E. Mr. Mark Gooding) เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทย เข้าร่วมด้วย

สำหรับผู้ได้รับพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2567 มีจำนวน 2 ราย ได้แก่ 1) ศาสตราจารย์ ดร.โทนี ฮันเตอร์ จากสหราชอาณาจักร-สหรัฐฯ ที่ได้ค้นพบเอนไซม์ไทโรซีนไคเนส (Tyrosine Kinase) และกระบวนการฟอสโฟรีเลชั่น (Phosphorylation) นำไปสู่การพัฒนาการรักษาโรคมะเร็งแบบเจาะจงเป้าหมาย (targeted therapy) ทำให้เกิดการพัฒนายาที่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ 
2) ศาสตราจารย์ ดร.โจนาธาน พี. เชฟเพิร์ด จากสหราชอาณาจักร โดยได้พัฒนา“คาร์ดิฟฟ์โมเดลเพื่อป้องกันเหตุความรุนแรง” (Cardiff Model for Violence Prevention) ซึ่งช่วยลดความรุนแรงในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นนวัตกรรมด้านสาธารณสุขที่สำคัญ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชน และเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยของผู้คนทั่วโลก

นายกรัฐมนตรีได้แสดงความชื่นชมและขอบคุณต่อผลงานของทั้งสองท่านในความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการศึกษาวิจัยวิทยาการทางการแพทย์และสาธารณสุข จนนำมาซึ่งองค์ความรู้ใหม่ พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงความสำคัญของผลงานทั้งสองท่านที่จะนำไปสู่การยกระดับการรักษาโรคที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการของรัฐบาลไทย นอกจากนี้ ทั้งสองท่านยังได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทย รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขไทยอีกด้วย

ด้านผู้รับพระราชทานรางวัลฯ ทั้งสองท่าน กล่าวแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีและประเทศไทยที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมทั้งมองว่าผลงานดังกล่าวจะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับประเทศไทย ทั้งการพัฒนายารักษาโรค และการเชื่อมโยงข้อมูล เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของเหตุรุนแรงและกำหนดมาตรการป้องกันล่วงหน้า

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้หารือกับเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร เกี่ยวกับความร่วมมือทางการแพทย์และสาธารณสุข โดยไทยมีความสัมพันธ์ที่ยาวนานกับทั้งสองประเทศ และรัฐบาลไทยเน้นพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จึงพร้อมส่งเสริมความร่วมมือ รวมทั้งการพัฒนาและวิจัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขร่วมกับทั้งสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร อย่างใกล้ชิดต่อไป  

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม