หน้าแรก > การเมือง

นายกฯ แพทองธาร ย้ำ 3 จุดแข็งไทยบนเวทีโลก ครัวโลก วัฒนธรรม อุตสาหกรรมอนาคต ยกย่องบทบาทผู้หญิงไทย ขับเคลื่อนประเทศ

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 01:54


นายกฯ แพทองธาร ย้ำ 3 จุดแข็งไทยบนเวทีโลก ครัวโลก วัฒนธรรม อุตสาหกรรมอนาคต ยกย่องบทบาทผู้หญิงไทย ขับเคลื่อนประเทศ

(3 กุมภาพันธ์ 2568) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน “Go Thailand 2025 : Women Run the World” 45 ปี ฐานเศรษฐกิจ เพื่อยกย่องผู้หญิงที่มีบทบาทเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนองค์กรและสังคม พร้อมกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจแก่ผู้หญิงรุ่นใหม่ในการก้าวขึ้นเป็นผู้นำ รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมความเท่าเทียมและการมีส่วนร่วมของผู้หญิงในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในสังคมไทย

โดยมี นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม คณะผู้บริหารเครือเนชั่น ผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชน เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่งว่า จากการแสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทย ที่ได้ไปพูดในหลายเวทีทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงเวทีล่าสุด WEF ที่ดาวอส จุดขายของที่ประเทศไทย พกติดตัวไปด้วยเวลาเจอผู้นำในประเทศ มี 3 ประการ คือ

1) การเป็นครัวโลก  นายกรัฐมนตรีย้ำถึงว่าประเทศไทยมีความพร้อมทุกด้านที่จะเป็นครัวของโลก   เพราะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีผลผลิตทางการเกษตร เป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งที่ผลักดันให้คนทั่วโลกรู้จักประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลจะต่อ ยอด ความมั่นคงทางด้านอาหาร (food security) พร้อมกับผลักดันแนวคิด “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” รัฐบาลจะต้องส่งเสริมเกษตรกรไทย  เข้ามาช่วยทำให้วัตถุดิบของไทยสามารถกระจายสู่ทั่วโลกได้ รวมถึงภาคการเกษตรไทยจะต้องรับมือกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกปีให้ได้ โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันการลงทุนในเทคโนโลยีการเกษตร ทำให้กลายเป็นเกษตรแม่นยำสูง โดยใช้ AI หุ่นยนต์ เพื่อให้ภาคการเกษตรของไทยพัฒนาไปเติบโตเต็มศักยภาพ เช่นในเรื่องของฝุ่น เป็นวาระของอาเซียน ได้มีการหารือถึงนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้ โดยการร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก

2) การพัฒนาวัฒนธรรมไทยให้สร้างมูลค่าเพิ่มขึ้น ให้ต่างชาติชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นรอยยิ้ม การบริการของคนไทยและการสร้างรายได้ให้กับคนไทย คือการสร้างเสน่ห์ให้ประเทศไทย ในการจัดเทศกาลต่าง ๆ ตลอดทั้งเดือนทั้งปี ไม่ได้มีแค่ช่วงไฮซีซั่น ให้คนที่มาท่องเที่ยวอยู่นานขึ้น และเพิ่มมากขึ้น ทำให้รายได้หมุนเวียนเข้าประเทศ เข้าจังหวัดมากขึ้น คือ สิ่งรัฐบาลที่พยายามผลักดันต่อเนื่อง  ไม่ใช่แค่เมืองหลัก เมืองรองก็เช่นกัน จะต้องกระตุ้นจีดีพีให้เพิ่มขึ้น  สิ่งที่มีอยู่แล้วคือ Sightseeing  อาจไม่สามารถตอบโจทย์การกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทั้งหมด  และ Human made เป็นสิ่งสำคัญมาก เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครวม อาทิ Entertainment Complex  Wellness tourism สิ่งเหล่านี้จะสามารถผลักดันจีดีพีของประเทศไทยก้าวกระโดดได้

3)  อุตสาหกรรมแห่งอนาคต ไม่ว่าจะเป็น semi-conductors Data center  เมื่ออุตสาหกรรมเข้ามาพลังงานถูกใช้ไปอย่างมาก ต้องทำต้นทุนให้สามารถแข่งขันได้ รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ ที่สำคัญต้องทำเรื่อง  Green energy ควบคู่กับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติ จะต้องไม่เพิ่มภาวะโลกร้อน และแน่นอน การเร่งลงทุน ต้องสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านไปสู่ความยั่งยืนและเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2050  เป็นสิ่งที่ได้รับการตกลงในประเทศเพื่อนบ้านและทั่วโลก และในเรื่องของการพัฒนาศักยภาพคนก็สำคัญมาก  รวมไปถึงนโยบาย ODOS  จะต้องเตรียมคนไว้กับอุตสาหกรรมอนาคต ให้คนมีศักยภาพพอสำหรับการทำงาน เป็นโอกาสของคนไทย โอกาสของเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเรื่องอุปกรณ์การศึกษายังไม่เพียงพอ ไม่ตอบโจทย์ ต้องปรับปรุง ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่ทุกกระทรวงต้องวางแผนร่วมกันในเรื่องของการเตรียมคนแห่งอนาคต

นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงธีมงานของวันนี้  “Women Run the World” เป็นธีมงานที่น่าสนใจมาก น่ายินดีว่าประเทศไทย มีจำนวน CEO หญิงสูง เป็นอันดับ 3 ของโลก สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้มีการกีดกันผู้หญิงในที่ทำงาน ผู้หญิงมีโอกาสขึ้นไปตำแหน่งสูง ซึ่งผู้หญิงที่อยู่ในภาคของรัฐบาลยังมีไม่มาก ในส่วนของคณะรัฐมนตรี  ถ้าเทียบกับประเทศอื่น ๆ อาชีพต่าง ๆ ไม่จำเป็นต้องจำกัดในเรื่องของเพศหรือเพศสภาพ  ถ้ามีอุดมการณ์ พร้อมที่จะช่วยผลักดันในเรื่องของนโยบาย ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่เปิดรับความหลากหลายทางเพศสมรสเท่าเทียมที่สำเร็จไป  ในฐานะนายกรัฐมนตรีถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างมาก ที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีในประเทศที่สมรสเท่าเทียมผ่านแล้ว เป็นเครื่องหมายของการที่ต้องการให้คนเท่าเทียม ให้กฎหมายดูแลประชาชนในทุกเพศสภาพ ถือเป็นสิ่งสำคัญและเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจของคนไทยทุกคน

”ในฐานะของผู้หญิง ฐานะแม่ ต้องสร้างความเข้มแข็งให้กับคนในครอบครัว ให้กับลูก สอนให้ลูกเข้าใจโลกแบบเข้มแข็ง ไม่ใช่แบบฝืนธรรมชาติ การที่มายืนอยู่ตรงนี้ด้วยความเป็นผู้หญิงแน่นอนว่าโดนปรามาสมากมาย ไม่ว่าจะอายุน้อย เรื่องเสื้อผ้า หน้าผม มันไม่ใช่มาตรวัดความรู้ ความสามารถของเพศใดเลย ไม่ใช่สิ่งที่แสดงให้เห็นว่าคนนั้นมีความสามารถที่เพียงพอหรือไม่ เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ความชอบ ความมั่นใจของแต่ละคน ถ้าสอนลูกของดิฉัน อยากให้เขามีความมั่นใจในตนเอง เห็นค่าของตนเองเติบโตขึ้นมาด้วยพื้นฐานรักตัวเองมากพอ ที่จะส่งมอบความรักต่อให้คนอื่นได้ ถ้ายังรักตัวเองไม่มาก พอชอบตัวเองไม่มากพอ เราก็จะไม่มีแรงในการที่จะรักหรือชอบคนอื่นได้ ในที่นี้ได้มีโอกาสอยู่บนเวทีอยากจะให้ผู้หญิงทุกคนมั่นใจว่าเมื่ออยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม เมื่อเรามีความรู้ความสามารถเราเตรียมตัวตั้งใจทำงาน นั่นคือมาตรวัดของเราว่าเราเต็มที่ในหน้าที่การงาน นั่นคือสิ่งที่สำคัญที่วัดความสามารถของเรา การที่เราเป็นผู้หญิงหรือเพศใดก็ตามมีสิทธิ มีความเท่าเทียม มีความเป็นมนุษย์ มีแรงและพลังในการผลักดันประเทศเหมือนกัน อยู่ที่ใจ อยู่ที่เวลา อยู่ที่การจัดสรรว่าเราจะสามารถช่วยเหลือประเทศได้อย่างไรบ้าง ตอนที่ได้พบเด็กนักเรียนตัวเล็ก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถ้าน้อง ๆ นั่งดูอยู่ เด็กทุกคนเลือกอนาคตของตนเอง เลือกสิ่งที่ถูกโตขึ้นมามีคุณภาพ ช่วยกันผลักดัน จากหน่วยเล็กๆ ระดับหมู่บ้าน จังหวัด ประเทศมาถึงระดับโลก เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองเห็นเชื่ออย่างยิ่ง ว่าคนไทยของเรามีศักยภาพมากมาย แค่รอที่โอกาสที่ดีเท่านั้น“ นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำ

 

 

 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม