หน้าแรก > อาชญากรรม

รวบสาวใหญ่ ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่ หลอกเหยื่อผ่านโซเชียล

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 16:31 น.


กองปราบรวบสาวใหญ่ ปลอมเป็นสรรพากรจังหวัด หลอกเหยื่อผ่านโซเชียล เจ้าตัวเผยเคยสมัครแอปฯเงินกู้และส่งเอกสารส่วนตัวไปสมัคร เชื่อว่าน่าจะถูกนำไปใช้

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปราม ร่วมกันจับกุม หญิง อายุ 54 ปี (สงวนชื่อ) ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดอุทัยธานี ที่ จ.171/2566 ฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นคนอื่น และโดยทุจริตหรือโดย หลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” และเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดภูเขียว ที่ 27/2567 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันลักทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน” สถานที่จับกุม บริเวณหน้าอาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.11 ต.หนองไข่น้ำ อ.หนองแค จ.สระบุรี

สืบเนื่องจากเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2566 ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความ ว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2565 ผู้ต้องหาได้โทรเข้ามา โดยอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสรรพากรจังหวัดชัยภูมิ และแจ้งว่า ร้านค้าของผู้เสียหาย มีแอปพลิเคชัน (เป๋าตุง) อยู่ที่ไม่ได้ใช้งาน จะต้องถูกเก็บภาษีย้อนหลัง หากไม่อยากเสียภาษีย้อนหลัง ให้ผู้เสียหาย ปิดแอปพลิเคชันดังกล่าว

จากนั้นผู้ต้องหาได้แนะนำให้ผู้เสียหายแอดไลน์ ผู้เสียหายจึงได้แอดไลน์ พบว่ามีลิงก์ที่ปรากฏเป็นรูปภาพเว็บไซต์ของกรมสรรพากร จึงกดเข้าไปในลิงก์เพื่อเข้าไปตรวจสอบภาษีและกรอกข้อมูล จากนั้นหน้าจอโทรศัพท์ ปรากฏขึ้นเป็นสีฟ้า มีป้ายโชว์เป็นรูปโลโก้ของกรมสรรพากร และมีหมายเลขหกหลักพร้อมกับข้อความ ระบุว่า “อยู่ระหว่างการตรวจสอบ ชื่อ นามสกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์” ระหว่างนั้นผู้ต้องหาได้ทำการแฮกข้อมูลในโทรศัพท์จนเสร็จเรียบร้อย หน้าจอมือถือจึงกลับมาใช้งานได้ตามปกติ หลังจากนั้นผู้เสียหายได้ตรวจสอบเงินในแอปธนาคาร ปรากฏว่า เงินถูกโอนออกจากบัญชีของผู้เสียหายเกือบ 100,000 บาท เข้าไปยังบัญชี ของผู้ต้องหา ผู้เสียหายจึงได้แจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามเอาเงินคืน และดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด

ต่อมา ช่วงเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2566 ผู้เสียหายคนที่สองเข้าแจ้งความว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคม พ.ศ.2565 ผู้ต้องหาได้หลอกให้ผู้เสียหาย ทำการยกเลิกโครงการคนละครึ่งและให้โอนเงิน ประมาณ 220,000 บาท ไปยังบัญชีพร้อมเพย์ของผู้ต้องหา หลังจากนั้นผู้เสียหายรู้ว่า ตนโดนหลอก จึงได้มาแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการสืบสวนจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา

ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับได้ร่วมกันสืบสวน จนทราบว่าผู้ต้องหาหลบหนีมาอาศัยอยู่ในพื้นที่ อ.หนองแค จ.สระบุรี จึงลงพื้นที่จับกุม

จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ตนเองเคยไปสมัครแอปพลิเคชันเงินกู้ออนไลน์ และได้ส่งเอกสารส่วนตัวไปสมัคร จึงเชื่อว่าเอกสารของตนเองน่าจะถูกนำไปใช้ในการกระทำความผิด 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม