ปิดตำนานสะเทือนขวัญมือมีดผับมรณะเมืองชัยนาท ฆ่าเจ้าหน้าที่ทันตกรรมดับ หนีหมายจับเกือบ 10 ปี

กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) โดย พล.ต.ต.คงกฤช เลิศสิทธิกุล ผบก.ทล. , พ.ต.อ.สุขสวัสดิ์ คูสิทธิผล รอง ผบก.ทล. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม นาย ชัน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ผู้ต้องหาตามประกาศสืบจับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลำดับที่ 31  และตามหมายจับ 2 หมายจับ ดังนี้

1. ศาลจังหวัดชัยนาท ลงวันที่ 4 มกราคม 2559 ในข้อหา “ร่วมกันร่วมกันฆ่าผู้อื่น, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นและร่วมกันพาอาวุธ (มีด) ไปในเมือง หมู่บ้านและทางสาธารณะโดยเปิดเผยและไม่มีเหตุอันควร”

2. ศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2555 ในข้อหา “ร่วมกันพยายามฆ่า    ผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พกอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยมิได้รับใบอนุญาตมีอาวุธปืนติดตัว”

สถานที่จับกุม บริเวณริมถนนสาธารณะ ม.1 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568  เวลา  10.10 น.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2557 ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญใน        จังหวัดชัยนาท โดยมีคนร้ายใช้มีดแทงนายปนิธิฯ เจ้าหน้าที่ทันตกรรมโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลอู่ตะเภา อำเภอมโนรมย์ เสียชีวิต ภายในงานคอนเสิร์ตที่สถานบันเทิงชื่อดังแห่งหนึ่งในเมืองชัยนาท จากการสืบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุเเทงผู้เสียชีวิต นาย ชัน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี โดยพนักงานสอบสวนได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอศาลออกหมายจับผู้ต้องหา และภายหลังได้มีการออกประกาศสืบจับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวงลพบุรี (ส.ทล.3 กก.1 บก.ทล.) ได้มีการสืบค้นแกะรอยติดตามตัว นาย ชัน (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี โดยพบว่าผู้ต้องหามักจะปรากฏตัวอยู่ในบริเวณพื้นที่ จ.ลพบุรี และในพื้นที่ จ.ชัยนาท ซึ่งจะหลบหนีอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา จนกระทั่งภายหลังพบเบาะแสเชื่อมโยงว่าผู้ต้องหาได้มาหลบซ่อนอยู่ที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงได้ร่วมกันวางแผนเข้าจับกุม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมได้บริเวณถนนสาธารณะ ม.1 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี สอบสวนผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ.2557 ตนเองได้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงผู้ตายจริง โดยก่อเหตุในลักษณะทะเลาะวิวาทร่วมกับกลุ่มเพื่อน ด้วยสาเหตุเดินเฉี่ยวกันไปกันมาในผับดังกล่าว จากนั้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป