24 ชั่วโมงข่าวประจำวันที่ 1 มีนาคม 2568
>> ทลายเว็บพนันรายใหญ่ เงินหมุนกว่า 240 ล้านต่อปี ยึดทรัพย์กว่า 100 ล้านบาท
10.00 น. ที่อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ศุภกร ผิวอ่อน ผบก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนร่วมแถลงจับเว็บไซต์พนันออนไลน์ ที่เปิดให้บุคคลทั่วไปสมัครเป็นสมาชิกและเข้าเล่นพนันออนไลน์จากการสืบสวนพบว่า เครือข่ายเว็บพนันดังกล่าวมีเงินหมุนเวียน 20 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่ารวมกันประมาณ 240 ล้านบาทต่อปี จึงรวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการเบื้องต้นจำนวน 12 คน
โดยเจ้าหน้าที่ เข้าตรวจค้นเป้าหมายพร้อมกัน 3 จุด
จุดที่ 1 บ้านหลังหนึ่ง ย่านถนนสรรพาวุธ แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กรุงเทพฯตรวจยึดธนบัตรไทยฉบับละ 1,000 บาท รวมมูลค่า 7,260,000 บาท เครื่องคอมพิวเตอร์พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ และวัตถุคล้ายทองคำและพระเลี่ยมทอง จำนวนหลายรายการ คาดว่ามีมูลค่านับร้อยล้านบาท
จุดที่ 2 บ้านหลังหนึ่ง ในซอยพัฒนาการ 38 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ ตรวจยึดธนบัตรไทยฉบับละ 1,000 บาท รวมมูลค่า 3,300,000 บาท โทรศัพท์มือถือ จำนวน 10 เครื่อง เครื่องคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 5 เครื่อง สมุดบัญชีเงินฝาก บัตรกดเงินสด หลายรายการ รถยนต์ 1 คัน มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และทรัพย์สินคล้ายทองคำแท่ง กำไลทอง แหวนเพชร และอื่น ๆ ซึ่งคาดว่ามีมูลค่านับ 10 ล้านบาท
จุดที่ 3 ห้องพักในอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง หมู่ 3 ซอยร่วมจิตรพัฒนา เทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ตรวจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊ค พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 10 เครื่อง โทรศัพท์มือถือ จำนวน 6 เครื่อง เครื่องส่งสัญญาณไวไฟ เราเตอร์ จำนวน 6 เครื่อง กล้องวงจรปิดและอื่น ๆ อีกหลายรายการ รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดได้ทั้งหมดกว่า 100 ล้านบาท
ทั้งนี้ ตำรวจยังจับบุคคลซึ่งทำหน้าที่แอดมิน ในการให้บริการลูกค้าเว็บพนันออนไลน์จำนวน 5 ราย หนึ่งในนั้นมีผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญารัชดา ลงวันที่ 26 ก.พ.2568 ซึ่งมีหน้าที่กดถอนเงินสด โดยจับขณะกำลังถอนเงินที่หน้าตู้เอทีเอ็ม ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ
>> จเรตำรวจฯ ยืนยันสอบเข้ม 119 คนไทย ที่รับตัวจากปอยเปต หากพบร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องรับโทษร่วมองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ
12.30 น. ที่ ด่านพรมแดนคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) กล่าวถึงการรับตัว 119 คนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเมืองปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา กลับมาประเทศไทย
ระบุว่า วันนี้จะมีการรับตัวคนไทย 119 คน แบ่งเป็นเยาวชน 4 คนผู้ใหญ่อีก 115 คน ทั้งหมดจะเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง-คัดแยก โดยทางการไทยจะมีการตรวจสอบว่าบุคคลใดมีหมายจับบ้างซึ่งส่วนหนึ่งยืนยันว่าเป็นบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับที่ผู้เสียหายคนไทยแจ้งความไว้ก่อนหน้า หากพบว่า 119 คนมีส่วนในการกระทำความผิด เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน จะมีการขอศาลออกหมายจับทุกรายโดยมีการตั้งฐานความผิด 'องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ' ถือเป็นข้อหาที่รุนแรงมีโทษจำคุกเกิน 10 ปี
พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนที่ทางการกัมพูชาแถลงข่าวว่า ทั้ง 119 คนไทยไปทำกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ และการที่อยู่ในประเทศกัมพูชาไม่ได้ถูกบังคับขู่เข็ญหรือทำร้ายร่างกายไปโดยสมัครใจ ข้อมูลนี้ก็จะเป็นข้อมูลประกอบให้ทางการไทย แต่อย่างไรก็ตามทางประเทศไทยเองก็มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินการต่อ ผลสอบสวนของกัมพูชาเพียงจะทำให้เจ้าหน้าที่ไทยทำงานก็จะง่ายขึ้น
การจัดการ 119 คนไทยที่ทำผิด ตำรวจยืนยันว่าจะทำให้เป็นตัวอย่าง การที่คนไทยหลอกคนไทยต้องถูกดำเนินคดีเราไม่อยากเห็นภาพพี่คนไทยหลอกคนไทย หรือช่วยต่างชาติให้มาหลอกคนไทยแล้วกลับมาแสดงตัวว่าเป็นเหยื่อ "ใครตกเป็นเหยื่อเราก็ยินดีที่จะคัดแยกและช่วยเหลือ แต่คนที่เป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เราจะต้องไปดำเนินคดีที่หนักที่สุด"พล.ต.อ.ธัชชัย กล่าว
>> เพลิงไหม้บ้านวอดทั้งหลัง เจ้าของบ้านพยายามเข้าไปขนทรัพย์สิน โชคดีเพื่อนบ้านช่วยนำตัวออกมาได้อย่างปลอดภัย
13.00 น. เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่บ้านนาเจริญ ต.หนองหมี อ.ราศีไศล จ.ศรีสะเกษ นำกำลังพร้อมรถดับเพลิงตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้าน 2 ชั้น โดยมีเจ้าของบ้านเป็นหญิงและชายสูงอายุนั่งร้องไห้อยู่ข้างบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจาก อบต. หนองหมี และจาก อบต.ใกล้เคียง พร้อมทั้งชาวบ้าน ได้ช่วยกันตักน้ำใส่ถัง และช่วยกันฉีดน้ำดับไฟ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้
โดยสอบถามหญิงเจ้าของบ้านให้ข้อมูลว่าตอนเกิดเหตุไฟไหม้ตนพยายามเข้าไปในบ้าน เพื่อจะไปเอาทรัพย์สิน และโฉนดที่ดินที่อยู่บนบ้าน แต่ก็หอบมาได้แค่กระเป๋าใส่เอกสารบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากตนเดินลำบาก โชคดีที่เพื่อนบ้านเข้ามาช่วยหิ้วปีกตนออกจากกองเพลิง
โดยเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน เล่าเหตุการณ์ว่าก่อนเกิดเหตุ ตนได้ยินเสียงดังที่ชั้น 2 ของบ้านหลังเกิดเหตุ ก่อนจะมีประกายไฟ และเห็นไฟกำลังลุกไหม้จากชั้น 2 ตอนนั้นตนก็ร้องตะโกนเรียกพี่น้อง เรียกชาวบ้านคนอื่นๆ ให้เข้ามาช่วยดับไฟ และพาตัวเจ้าของบ้านออกมาจากบ้านที่กำลังถูกไฟไหม้ ซึ่งตามปกติทุกวัน เจ้าของบ้านจะชอบนอนอยู่ในบ้าน และจะไม่ค่อยมีใครเข้าไปยุ่งวุ่นวายกับแก โชคดีที่ตนเห็นเหตุการณ์ก่อน จึงเข้าไปช่วยออกมาจากบ้านได้ทัน เพราะตอนนั้น ที่บ้านไม่มีใครอยู่เลยมีเพียงเจ้าของบ้านอยู่บ้านคนเดียว แล้วหวงทรัพย์สิน พยายามจะเข้าไปเอาของในบ้าน
>> สืบนครบาล บุกทลายโกดังบุหรี่ไฟฟ้ารายใหญ่ กลางกรุง ของกลางกว่าแสนรายการ
14.30 น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล ตำรวจสน.เพชรเกษม เข้าตรวจค้นโกดังบุหรี่ไฟฟ้าของกลางเป็นจำนวนมาก มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจนำหมายค้นศาลอาญาธนบุรี ลงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เข้าทำการตรวจค้นอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงและเขตบางแค กรุงเทพฯ หลังได้รับแจ้งจากสายลับว่าบ้านเลขที่ดังกล่าวมีการลักลอบนำสินค้าผิดกฎหมายลักษณะหลีกเลี่ยงกฎหมายศุลกากรเข้ามาเก็บภายในบ้าน
เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นพบของกลาง หัวน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 343,600 ชิ้น บุหรี่ไฟฟ้าชนิดพร้อมสูบ จำนวน 10,000 ชิ้น โดยโกดังชั้นล่างพบ 568 ลัง 227,200 ชิ้น มูลค่า 22,720,000 บาท ส่วนชั้นบนพบ 116,400 ชิ้น มูลค่า 11,640,000 บาท รวมมูลค่าของกลางประมาณ 30 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้นพบผู้ต้องหาเป็นชาย 1 ราย เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ตรวจยึดของกลางทั้งหมดไว้เป็นพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการสืบสวนรวมรวมพยานหลักฐานขยายผลนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> พายุฤดูร้อนพัดถล่ม 2 อำเภอ จ.เพชรบูรณ์ บ้านพังเสียหายกว่า 30 หลัง
15.00 น. จากสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เกิดพายุฤดูร้อน ฝนฟ้าคะนอง และ ลมกระโชกแรง พัดถล่มในพื้นที่อ.หล่มสัก และ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ บ้านเรือนราษฎรถูกกระแสลมที่กระโชกแรง พัดถล่มพังเสียหายไปกว่า 30 หลังคาเรือน
โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้รายงานสถานการณ์วาตภัย เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ว่า ได้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ในพื้นที่อำเภอหล่มสัก จำนวน 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 4 และหมู่ 6 ตำบลบ้านไร่ มีบ้านเรือนพังเสียหาย ในเบื้องต้นจำนวน 6 ครัวเรือน และในพื้นที่อำเภอศรีเทพ 1 ตำบล 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ 9 และหมู่ 16 ต.คลองกระจัง มีบ้านเรือนพังเสียหาย ในเบื้องต้นจำนวน 26 ครัวเรือน รวมพื้นที่ประสบภัย 2 อำเภอ 2 ตำบล 4 หมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย จำนวน 32 ครัวเรือน
ทั้งนี้ นายศรัณยู มีทองคำ ผวจ.เพชรบูรณ์ สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ให้ นายอำเภอหล่มสัก นายอำเภอศรีเทพ และนายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการช่วยเหลือประชาชน เร่งสำรวจความเสียหายให้ความช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ แจ้งกำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทุกแห่ง ได้เตรียมความพร้อมบุคลากร เครื่องจักรกลสาธารณภัย รองรับสถานการณ์ เพื่อให้พร้อมเข้าช่วยเหลือประชาชนได้ตลอด 24 ชม.
>> เสียงร้องไห้ระงม เผาแล้ว 18 ร่างผู้เสียชีวิต เหยื่อรถทัวร์พลิกคว่ำทางลงเขาศาลปู่โทนที่ปราจีนบุรี
17.00 น. จากอุบัติเหตุรถทัวร์ 2 ชั้น เดินทางจากจ.บึงกาฬ ไปดูงานที่จ.ระยอง เกิดอุบัติเหตุพลิกคว่ำบนถนนสาย 304 บริเวณทางลงเขาศาลปู่โทน ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี มีผู้เสียชีวิต 18 คน และบาดเจ็บจำนวนมาก
โดย ที่วัดป่าวิเวกธรรมคุณ ต.พรเจริญ อ.พรเจริญ จ.บึงกาฬ ได้มีพิธีฌาปนกิจศพร่างผู้เสียชีวิต หลังเคลื่อนย้ายร่างผู้เสียชีวิต ออกมาเข้าประจำที่เชิงตะกอน ท่ามกลางบรรยากาศที่โศกเศร้าและอาลัยจากครอบครัว
สำหรับเงินช่วยเหลือ และค่าสินไหมทดแทน เบื้องต้นที่ญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 18 รายจะได้รับ คือ เงินค่าจัดการศพ 29,700 บาท/ราย จากเทศบาลตำบลพรเจริญ เงินจากกระทรวงยุติธรรม 200,000 บาท/ราย เงินจาก ประกันภัยภาคบังคับ พรบ. 500,000 บาท/ราย เงินจากประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 3 500,000 บาท/ราย ส่วนค่าใช้จ่ายการจัดงานศพ เทศบาลตำบลพรเจริญจะเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด
>> เก๋งเสียหลักแหกโค้งชนเสา ก่อนพุ่งตกหนองน้ำเสียชีวิต
19.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง รับแจ้งอุบัติเหตุรถเก๋งเสียหลักพุ่งตกไปในหนองน้ำขนาดใหญ่ มีคนติดคาอยู่ภายในรถ ริมถนนแหลมมะขาม ซอย 12 ต.ทับมา อ.เมืองระยอง จ.ระยอง จึงประสานแพทย์รพ.ระยอง แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อมนักประดาน้ำ หน่วยกู้ภัยสว่างพรกุศล
ที่เกิดเหตุเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ กว่า 20 ไร่อยู่ติดกับถนน พบร่องรอยรถเสียหลักพุ่งชนเสากั้นทางโค้งจนหักแล้วตกลงไปในหนองน้ำจมหายทั้งรถทั้งคน เศษชิ้นส่วนรถยนต์ตกอยู่ โดยมีคนงานแคมป์ก่อสร้าง ให้ข้อมูลว่า ขณะนั่งอยู่ในแคมป์คนงานได้ยินเสียงรถชนและเสียงดังตูมมาทางหนองน้ำ
จึงรีบเดินไปดูเห็นรถเก๋งสีขาวกำลังจมลงไปในน้ำกว่าครึ่งคันแล้ว รีบตะโกนให้เพื่อนคนงานมาช่วย แต่ไม่ทันรถจมหายไปทั้งคันอย่างรวดเร็ว จากนั้นทีมนักประดาน้ำลงงมค้นหาใช้เวลาค้นหาในน้ำประมาณ 1 ชั่วโมง จึงพบรถยนต์และนำร่างคนขับที่ติดคาอยู่ในรถขึ้นมา เป็นผู้ชาย สภาพศพไม่พบบาดแผล คาดจมน้ำขาดอากาศหายใจเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่ประสานรถเครนมายกรถเก๋งขึ้นจากน้ำ พบเป็นรถเก๋งฮอนด้า สีขาว ทะเบียน จ. ระยอง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่นำศพส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลพร้อมเร่งติดตามญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> ด.ต.เกิดวูบ ทำรถตำรวจทางหลวงลงข้างทาง ผู้ต้องหาบาดเจ็บ
20.20 น. พ.ต.อ.สำเนาว์ กรุยกระโทก ผกก.สภ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถสายตรวจตำรวจทางหลวงเสียหลักตกถนนพลิกคว่ำพังยับเยิน มีตำรวจและผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บ ริมถนนมิตรภาพ ช่วงหน้าโรงพยาบาลโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น จึงรีบแจ้งประสานพนักงานสอบสวนรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ภัย
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋งสายตรวจตำรวจทางหลวง ทะเบียน 4 ขข 6606 กทม. สภาพหงายท้องล้อชี้ฟ้าพังยับเยินทั้งคัน โดยมีนายดาบตำรวจ คนขับรถได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลที่หว่างคิ้ว ส่วนผู้ต้องหาชายบาดเจ็บเล็กน้อย ขณะที่ผู้ต้องหาหญิง นอนเจ็บอยู่ข้างรถ ต้องรีบนำตัวส่งรพ.โนนศิลา ก่อนส่งต่อไปรพ.ขอนแก่น
พ.ต.อ.สำเนาว์ เปิดเผยว่า ตำรวจทางหลวงขับรถนำส่งผู้ต้องหา 2 รายจากจ.นครราชสีมา ไปที่สภ.เมืองขอนแก่น จากการสอบถาม ด.ต.คนขับ บอกว่าขณะเดินทางมาเกิดอาการวูบหลับในก่อนจะเสียหลักลงร่องกลางถนน โดยได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนผู้ต้องหาชายได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเช่นเดียวกัน แต่ในส่วนของผู้ต้องหาหญิงขณะนี้ได้ส่งตัวรักษาต่อที่รพ.ขอนแก่น ในส่วนของทรัพย์สินราชการที่เสียหายก็จะมีการดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย