วันที่ 11 มีนาคม. 2568 เวลา 02:24 น.
ตำรวจทางหลวง รวบคู่รักสุดแสบ ตระเวนเช่ารถและทำการตัดสัญญาณจีพีเอส ก่อนนำส่งขายตลาดมืดและประเทศเพื่อนบ้าน
(10 มี.ค.68) ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย ร.ต.อ.ภิเชศ นาเมืองรักษ์ รอง สว.ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล.,ร.ต.ท.ศิริพงษ์ ฉ่ำศิริ, ร.ต.ต.พิเชษฐ์ วรวิสุทธิวงศ์ รอง สว.(ป) ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส.ทล.2 กก.3 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม ชายไทย อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 433/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์” และ หญิงไทย อายุ 29 ปี สัญชาติ ไทย ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ที่ 434/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ร่วมกันยักยอกทรัพย์”
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1. รถยนต์นั่งส่วนบุคคล จำนวน 1 คัน พร้อมกุญแจรถ 1 ดอก
2. แผ่นป้ายทะเบียน จำนวน 2 แผ่น
สถานที่จับกุม หน่วยบริการตำรวจทางหลวงพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พฤติการณ์ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบจนกระทั่งถึงบริเวณ ถนนหมายเลข 3 กม 153-154 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี (มุ่งหน้าพัทยา) พบรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีดำ หมายเลขทะเบียน นครราชสีมา เปลี่ยนช่องทางการเดินรถอย่างกะทันหัน ก่อนขึ้นสะพานจึงได้ส่งสัญญาณให้หยุดรถ เพื่อทำการตรวจสอบและว่ากล่าวตักเตือน
จากการตรวจสอบพบ ผู้ชายเป็นผู้ขับขี่และมี ผู้หญิง นั่งโดยสารข้างคนขับ จากการตรวจสอบรถยนต์คันดังกล่าวพบว่าไม่ติดแผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี ไม่มีสำเนาใบคู่มือจดทะเบียน และได้ตรวจสอบแผ่นป้ายทะเบียน นครราชสีมา พบว่าได้จดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลสีขาวมีผู้ครอบครองคือ นางเอ (นามสมมุติ) แต่รถคันที่ขับมานั้นไม่ตรงกับข้อมูลแผ่นป้ายทะเบียนซึ่งติดมากับรถคันต้องสงสัย จึงได้เชิญตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสารพร้อมรถยนต์คันดังกล่าว มาที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงพัทยาเพื่อทำการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าชายดังกล่าว มีหมายจับของศาลแขวงนนทบุรี ที่ 433/2567 ลงวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 และทำการตรวจสอบเลขตัวถังของรถยนต์คันดังกล่าวปรากฎว่า ถูกจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบกทะเบียน กรุงเทพฯ ผู้ครอบครองคือนายบี (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้เสียหาย และได้ทำการแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จึงทำการตรวจสอบสถานะของหมายจับโดยละเอียดอีกครั้ง จากการตรวจสอบพบว่า สถานะหมายจับยังต้องการตัวผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการจับกุมและแจ้งข้อกล่าวหาข้างต้น พร้อมทั้งแจ้งสิทธิ์ให้ผู้ต้องหาทราบ จากนั้นได้ทำบันทึกจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ทำการตระเวนเช่ารถและทำการตัดสัญญาณ จีพีเอสที่ติดไว้กับตัวรถเช่าเพื่อหลบหนีการติดตาม ก่อนจะนำรถที่เช่ามานั้นไปขาย หากเป็นรถยนต์จะนำส่งขายตลาดมืดมือสอง ส่วนรถจักรยานยนต์ไปยังตลาดมืดและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีผู้เสียหายแจ้งความไว้ 4 โรงพัก นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผู้เสียหายอีกจำนวนมากที่ผู้ต้องหาได้ก่อเหตุยักยอกทรัพย์ไป