หน้าแรก > อาชญากรรม

สตม.แกะรอย จับมังกรแปลงกาย เปลี่ยนชื่อ-สกุล สัญชาติ ท้าทายไบโอเมตริกซ์ หนีคดีหมื่นล้าน

วันที่ 23 มีนาคม. 2568 เวลา 02:02 น.


สตม.แกะรอย จับมังกรแปลงกาย เปลี่ยนชื่อ-สกุล สัญชาติ ท้าทายไบโอเมตริกซ์ หนีคดีหมื่นล้าน

วันที่ 22 มี.ค. 68 พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม. พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 พ.ต.ท.สุริยะ พ่วงสมบัติ รองผู้กำกับการสืบสวนพร้อมชุดปฏิบัตินำโดย พ.ต.ท.ทวีทรัพย์ ชัยภูมิ และ พ.ต.ท.ธงไทย ไพเราะ สว.กก.สืบสวน บก.ตม.1 ร่วมกันจับกุมตัว ชายอายุ 30 ปี สัญชาติวานูอาตู ซึ่งเป็นประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน หมดอายุลงการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด“ จากนั้นได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี ก่อนผลักดันออกนอกประเทศ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 21 มี.ค.68  ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.1 ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว หลังได้รับข้อมูลจากสายลับว่า มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน นาย จอ (นามสมมติ) แอบลักลอบหลบหนีเข้าเมือง กระทำความผิดอื่นๆ ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ได้แอบมาพักอาศัยหลบซ่อนตัวอยู่ในโรงแรมหรูย่านราชประสงค์พื้นที่ใจกลางกรุงเทพมหานคร

หลังได้รับสั่งการเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองได้นำข้อมูลโดยเฉพาะใบหน้าของนายจางเหว่ยมาตรวจสอบกับฐานข้อมูลไบโอเมตริกซ์ จึงพบความน่าสงสัยจากข้อมูลเชิงไบโอเมตริกซ์ของ features ต่างๆ ว่าใบหน้าของนายจอ ไปสอดคล้องตรงกันกับบุคคลต่างด้าวอีกคนหนึ่ง คือ ชายสัญชาติวานูอาตู ซึ่งเป็นประเทศหมู่เกาะเล็กๆ ในแถบโอเชียเนีย ชุดสืบสวนลงความเห็นตรงกันว่า นายจอ กับชายคนดังกล่าว เป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้แฝงตัวลงพื้นที่ และตรวจสอบระบบการขอต่อวีซ่าของคนต่างด้าว ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง จึงพบว่าเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2568 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดอนุญาต ของชายคนดังกล่าว ไม่พบว่ามีการยื่นคำร้องขออยู่ต่อในราชอาณาจักรไทย ขณะเดียวกันนายจอ ระมัดระวังตัวไม่ออกจากห้องพัก แต่จะใช้วิธีสั่งอาหารขึ้นไปแทน

จนกระทั่งวันศุกร์ที่ 21 มี.ค.68 ช่วงเวลาประมาณ 14.30 น. นายจอ ได้เดินลงมาที่ล็อปปี้ของโรงแรม ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองจึงได้แสดงตัวขอตรวจสอบหนังสือเดินทางกับนายจอ ซึ่งพยายามสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ด้วยภาษาจีน โดยให้การในเบื้องต้นว่าเขาตนเป็นคนสัญชาติวานูอาตูไม่ใช่คนจีน แต่หนังสือเดินทางของเขาหายไป พร้อมกับแสดงรูปถ่ายภาพหนังสือเดินทางวานูอาตูให้เจ้าหน้าที่ดู เจ้าหน้าที่จึงทำการตรวจสอบข้อมูลพบว่าหนังสือเดินทางของ ชาย อายุ 30 ปี สัญชาติวานูอาตู ซึ่งเป็นประเภทวีซ่านักท่องเที่ยว 60 วัน ได้หมดอายุลงการอนุญาตสิ้นสุดแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ถูกจับว่า “เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด

อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ขุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมืองยังไม่ปักใจตามคำให้การของนายจอ จึงได้ประสานข้อมูลกับองค์กรบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศ จนได้ข้อมูลยืนยันว่า นายจอ เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติจีน ที่ก่อนหน้านี้ช่วงปี 2567 ได้ร่วมกับพวกก่อคดียักยอกเงินจากบริษัทก่อสร้างชื่อดังในมณฑลซานตง ที่ตั้งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,400 ล้านหยวน หรือประมาณ 11,000 ล้านบาท ก่อนจะทำการปลอมแปลงหนังสือเดินทางแล้วหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย จึงได้ควบคุมตัวนายจางเหว่ยไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 

 

 

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม