วันที่ 19 มิถุนายน 2568 เวลา 18:51 น.
วันที่ 19 มิถุนายน 2568 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) พร้อมด้วยตัวแทนผู้เสียหายจากบัตรเครดิต ร่วมกันตรวจค้น บริษัทแห่งหนึ่ง ในเขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ตรวจยึดของกลาง รวมกว่า 15 รายการ อาทิ คอมพิวเตอร์ , เครื่องคัดลอกข้อมูล , เครื่องยิงล็อตเลเซอร์, บัตรโลหะเปล่าสำหรับพิมพ์ลวดลาย, เครื่องอ่านข้อมูลบัตร, บัตรโลหะที่มีลวดลายต่างๆ, บัตรที่มีระบุเครื่องหมายการค้า ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งของกลางทั้งหมด เก็บอยู่ภายในออฟฟิศของบริษัทฯ
พฤติการณ์ ด้วยตัวแทนบริษัทบัตรเครดิตแห่งหนึ่ง พบว่าในโซเชียลมีเดีย มีคลิปวีดีโอโฆษณาการทำ บัตรเครดิต/บัตรเดบิตพลาสติก ให้เป็นบัตรเหล็ก Metal Card โดยมีลวดลาย รูปแบบสำเร็จ หรือลวดลายอื่นๆตามที่ลูกค้าต้องการให้เลือกบนหน้าเว็บไซต์ของร้าน โดยผู้ต้องหาจะทำการ ถ่ายโอนข้อมูลจากบัตรเครดิตเดิม ซึ่งเป็นพลาสติกไปยังบัตรเครดิตบัตรเหล็กใบใหม่ โดยบัตรเหล็กที่จัดทำขึ้นใหม่สามารถใช้งานได้เหมือนบัตรจริงที่ออกให้โดยธนาคารเจ้าของบัตร อีกทั้งยังสามารถสั่งทำลวดลายหน้าบัตรเครดิตใหม่ จากบัตรธรรมดาเป็นบัตรแบบพรีเมียร์ ซึ่งโดยปกติแล้วลูกค้าบัตรพรัเมียร์ตัวจริงจะสามารถแสดงหน้าบัตร เพื่อรับสิทธิพิเศษของบัตรเครดิต ได้หลากหลายรายการ เช่น การบริการที่จอดรถ ณ ห้างสรรพสินค้า, การบริการเข้าใช้ห้องรับรองสนามบิน ทั่วโลก, ใช้บริการรถรับส่งภายในสนามบิน, เข้าใช้บริการห้องรับรองของการบินไทย
จากการตรวจสอบภายในโซชียลมีเดียที่ผู้ต้องหาทำการโฆษณายังปรากฏคลิปแสดงวิธีการย้ายข้อมูล Chip Card จากบัตรเครดิตที่ธนาคารเจ้าของบัตรออกให้กับสมาชิกผู้ถือบัตรไปติดตั้งอยู่บนบัตรเครดิตโลหะ ที่บริษัท จัดทำขึ้นใหม่ทำให้บัตรมีความสมบูรณ์มากขึ้น
ต่อมาตัวแทนบริษัทซึ่งเป็นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความร้องทุก์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ปอศ. ให้ดำเนินคดีกับบริษัทดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ปอศ.ได้ทำการสืบสวน ซึ่งรับผิดชอบสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องหมายการค้าฯ ได้ทำการสืบสวนพบว่า บริษัทฯ ลักลอบทำบัตรเครดิตที่มีการปลอมเครื่องหมาย การค้าของธนาคารจริง จึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อเข้าทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบพนักงานของบริษัทอยู่ภานในออฟฟิศ ชุดสืบสวนได้ตรวจค้นพบของกลางรวมกว่า 15 รายการ จึงได้ทำการตรวจยึด นำส่งพนักงานสอบสวน พร้อมทั้งจะได้ติดตามกรรมการของบริษัทเข้าพบพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปอศ. เพื่อรับทราบข้อกล่าวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป