วันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 เวลา 14:00 น.
28 พย.68 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ร่วมกันจับกุมตัว 6 ผู้ต้องหา แจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
ตรวจยึดพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง5 รายการ เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดี
1. โทรศัพท์ จำนวน 8 เครื่อง
2. คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค จำนวน 3 เครื่อง
3. แท๊บแล็ต จำนวน 1 เครื่อง
4. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 22 เล่ม
5. เอกสารการเงินสมุดใบมอบอำนาจจากต่างประเทศ 33 เล่ม
6. เอกสารการปลดอายัดเงิน มูลค่า 783,800,000 USD ของประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีลายเซ็น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ จำนวน 1 ฉบับ
พฤติการณ์ เนื่องด้วยมีกลุ่มผู้เสียหาย 15 ราย ร้องทุกข์เข้ามาที่ตำรวจ บก.ปอศ. กรณีได้ถูกกลุ่มมิจฉาชีพชักชวนมาระดมทุน โดยอ้างตนว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ไฮโซ เป็นเจ้าของ กองทุนน้ำมันประเทศไนจีเรีย มีโครงการจะนำเงินกองทุนน้ำมันเข้ามาประเทศไทย จึงมีความจำเป็น ต้องระดมทุนเพื่อดำเนินโครงการ หากทำสำเร็จ จะได้รับผลตอบแทนจำนวนมหาศาล และมีการนำเอกสาร รับรองเอกสารการปลดอายัดเงิน มูลค่า 783,800,000 USD ของประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปรากฎลายเซ็น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์, หนังสือรับรองความเป็นเจ้าของทองคำทั่วโลก มีลายน้ำซึ่งต้องใช้ไฟฉาย ชนิดพิเศษส่องถึงจะเห็น, เอกสารรับรองจากธนาคาร HSBC ประเทศจีน ซึ่งแสดงยอดเงิน 9 แสนล้านเหรียญ ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยเสนอผลตอบแทน สูงถึง 20 เท่าของเงินลงทุน ในระยะเวลา 3 เดือน
โดยกลุ่มผู้ต้องหาจะตระเวนจัดงานชักชวนระดมทุน ตามโรงแรมในต่างจังหวัดต่างๆจากนั้น จะชักชวนผู้เสียหายเข้ากลุ่มไลน์ลงทุน เมื่อมีคนหลงเชื่อ ลงเงินร่วมลงทุนไป สุดท้ายกลุ่มผู้ต้องหาพยายามบ่ายเบี่ยง ไม่จ่ายผลตอบแทนให้กับผู้เสียหาย โดยอ้างเหตุขัดข้องต่างๆ ซึ่งเคสนี้มีกลุ่มผู้เสียหายได้รับความเสียหายกว่า 13 ล้านบาท
หลังเจ้าหน้าที่ บก.ปอศ. รวบรวมพยานหลักฐาน จนทราบว่าในคดีนี้มีผู้ร่วมกระทำความผิด ซึ่งแบ่งกันทำหน้าที่ต่างๆ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปอศ. ระดมกำลังตรวจค้นจับกุม ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น, อำนาจเจริญ, อุบลราชธานี, ปทุมธานี, นนทบุรี กรุงเทพมหานคร จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 6 ราย
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ต้องหา พบว่ามีบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องจำนวน 22 บัญชี มีเงินหมุนเวียนในกลุ่มผู้ต้องหากว่า 150 ล้านบาท โดยหลังจากที่กลุ่มผู้ต้องหาได้รับเงินจากกลุ่มผู้เสียหาย จะมีการโอนเงินต่อเป็นทอดๆในกลุ่มผู้ต้องหา ปลายทางของเงินส่วนใหญ่ที่ได้รับมาจากกลุ่มผู้เสียหาย ถูกแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัล อยู่ระหว่างขยายผลกับผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป









13 ธันวาคม 2568
13 ธันวาคม 2568