หน้าแรก > เศรษฐกิจ

ผู้นำภาคธุรกิจไทยเชื่อมั่นศักยภาพ ILSTC หนุนการค้า-โลจิสติกส์ จีน-ไทย

วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 10:50 น.


ฉงชิ่ง, 12 ธ.ค. 68 (ซินหัว) นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ รองประธานสภาธุรกิจไทย-จีน ซึ่งเข้าร่วมการประชุมประจำปี 2025 ของสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งระเบียงการค้าทางบก-ทางทะเลระหว่างประเทศใหม่ (ILSTC) ในเทศบาลนครฉงชิ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเมื่อวันที่ 9-11 ธ.ค. ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวว่าความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนภายใต้ระเบียงการค้านี้ครอบคลุมหลายด้าน ทั้งการค้าขาย การพัฒนาเกษตรกรรม เศรษฐกิจทางทะเล และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ซึ่งมอบผลประโยชน์แก่ทั้งสองประเทศ

ธีรภัทร กล่าวว่า ระเบียงการค้านี้เกื้อหนุนการขนส่งและหมุนเวียนสินค้าระหว่างไทยกับจีนอย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น หลังจากมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการบริการที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการขนส่งด่วนหลายรูปแบบทางรถไฟ-ทางเรือ เส้นทางฉงชิ่ง-ไทย ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อสิ้นเดือนพฤษภาคมและจะเชื่อมโยงกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และแล็ปท็อปของไทยเข้ากับฐานการผลิตยานยนต์และแล็ปท็อปชั้นนำระดับโลกในเฉิงตูและฉงชิ่ง

นอกจากนั้นการประกาศตารางการเดินรถไฟสินค้าจีน-ลาว-ไทยอย่างเป็นทางการเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งช่วยตอกย้ำว่าจะมีการเดินรถอย่างเป็นประจำและมีมาตรฐาน ได้ช่วยเพิ่มพูนประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค แรงสนับสนุนด้านโลจิสติกส์แก่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า รวมถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมตลอดเส้นทางการเดินรถ โดยรถไฟสินค้าเส้นทางนี้มีจุดเริ่มต้นจากสถานีกลางฉงชิ่ง ผ่านด่านโม๋ฮัน ด่านบ่อเต็น ด่านหนองคาย และปลายทางที่สถานีมาบตาพุด

ธีรภัทร ระบุว่า ระบบการขนส่งอันมีประสิทธิภาพของระเบียงการค้านี้ช่วยให้ผลไม้ไทยอย่างทุเรียน มังคุด และมะพร้าว ถูกจัดส่งสู่จีนอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันระเบียงการค้านี้ช่วยส่งเสริมการเชื่อมต่อและความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศต่างๆ ตามแนวระเบียง โดยปัจจุบันไทยกำลังก่อสร้างโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่จะมีท่าเรือ ท่าอากาศยาน และทางรถไฟความเร็วสูงระดับโลก ซึ่งจะเพิ่มความสามารถของไทยในการให้บริการขนส่งหลายรูปแบบระหว่างมหาสมุทรอินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และจีน

อนึ่ง การประชุมประจำปี 2025 ของสหพันธ์ฯ มีการลงนามโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญ จำนวน 20 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 7 พันล้านหยวน (ราว 3.13 หมื่นล้านบาท) ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นโครงการจัดซื้อยานยนต์เอสยูวี (SUV) ของไทยด้วย

ข่าวยอดนิยม


ข่าวยอดนิยม