วันที่ 18 ธันวาคม 2567 เวลา 13:16 น.
กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด โดยกองบังคับการข่าวกรองยาเสพติด(บก.ขส.) เปิดปฏิบัติการ“สยบไพรีปราบสมุทร ep.3 ” ปิดล้อมตรวจค้น ยึด/อายัดทรัพย์สินกลุ่มเครือข่ายลักลอบขนยาเสพติดทางน้ำข้ามชาติ รายสำคัญในพื้นที่ จ.สงขลา
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ จับกุม นายเอก กับพวก พร้อมของกลาง ไอซ์ 1 ตัน คีตามีน 1.2 ตัน ขณะกำลังขนยาเสพติดของกลาง ลงจากรถกระบะ ไปขึ้นเรือ ที่ท่าเทียบเรือ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงได้สืบสวนขยายผล จับผู้ร่วมขบวนการ 4 ราย
โดยยุทธการสยบไพรีปราบสมุทร ep.1 วันที่ 9 – 20 ธ.ค.66 เป็นปฏิบัติการกดดัน ตัดท่อน้ำเลี้ยง ยึดอายัดทรัพย์สินของนายชาญ กับพวก ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน, ร้านอาหารตำทะลวง, บริษัทประกอบธุรกิจการเดินเรือ, เงินสด, ทองรูปพรรณ,พระเครื่อง, และรถยนต์ จำนวนมาก รวมมูลค่ากว่า 140 ล้านบาท
ส่วน สยบไพรีปราบสมุทร ep.2 วันที่ 10 ส.ค.67 ขยายผล อย่างต่อเนื่อง ทราบว่ากลุ่มนี้จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยเรือสปีดโบ๊ท บริเวณท่าเรือ ในเกาะนกใหญ่รีสอร์ท อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จึงได้วางแผนจับกุม นายเอ และพวกรวม 10 คน พร้อมของกลาง ไอซ์ 1.5 ตัน และติดตามจับกุม เครือข่ายได้ในพื้นที่ภาคกลาง และภาคอีสาน เพิ่มเติมอีก 2 ราย จากการสอบสวน นายเอ ให้ข้อมูลถึงการซื้อเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง ที่ใช้ลากจูงเรือใหญ่ ในการเข้า/ออกท่าเรือ จากเมืองบาตั้ม ประเทศอินโดนิเซีย โดยให้นายสม ทำหน้าที่กัปตันเรือ เพื่อใช้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดออกนอกประเทศ
กระทั่งวันที่ 17 ธ.ค.67 เรือที่มี นายสม กัปตันเรือ จะนำเข้ามาจอดซ่อมที่ท่าเรือเทพา จ.สงขลา เปิดปฏิบัติการสยบไพรีปราบสมุทร ep.3 จึงเกิดขึ้น และสามารถจับกุม นายสม(นามสมมุติ) กัปตันเรือ ได้ ตามหมายจับที่ 674/2567 ในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำ ผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดโดยมีลักษณะเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม ได้ที่บ้านพักใน จว.ตรัง และเข้าตรวจยึดอายัดเรือทัก (Tug Boat) หรือ เรือลากจูง , บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ และทรัพย์สินอื่น ๆ รวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
โดยเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดทางเรือ ข้ามชาติขนาดใหญ่ นี้ สามารถจับกุมผู้ร่วมขบวนการ แล้ว 19 ราย ยึดอายัดทรัพย์สินกว่า 170 ล้านบาท มีนายนอ เป็นผู้สั่งการ ลำเลียงยาเสพติดเส้นทางจากทะเลอันดามัน และ อ่าวไทย ปลายทางจะเป็นน่านน้ำสากลของเกาะใต้หวัน และประเทศฟิลิปปินส์ บช.ปส.จะได้ทำการสืบสวนขยายผล จับกุม ขุดรากถอนโคน และ ยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายนี้ อย่างต่อเนื่อง และ เต็มกำลังความสามารถ ต่อไป