วันที่ 8 ธันวาคม 2568 เวลา 15:31 น.
มะนิลา, 8 ธ.ค. (ซินหัว) -- ฟิลิปปินส์กำลังเผชิญการระบาดของเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก หลังจากมีชาวฟิลิปปินส์ได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อในปี 2025 เฉลี่ยวันละ 61 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 22 จากปี 2024 ทำให้เกิดกระแสเรียกร้องการดำเนินการควบคุมสถานการณ์อย่างจริงจังยิ่งขึ้น
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่าฟิลิปปินส์ ฟิจิ และปาปัวนิวกินี เป็นกลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิกที่มีการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและกำลังประสบกับภาวะอัตราการติดเชื้อใหม่พุ่งสูงที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของภูมิภาค
องค์การฯ เผยว่าฟิจิมีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีเพิ่มขึ้นสิบเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการใช้เข็มฉีดยาเสพติด ขณะปาปัวนิวกินีประกาศให้เชื้อไวรัสเอชไอวีเป็นวิกฤตระดับชาติเมื่อเดือนมิถุนายน หลังจากมีการระบาดเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์และเด็ก
สำหรับฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีเพิ่มขึ้นหกเท่าในช่วงปี 2010-2024 โดยองค์การฯ ประเมินว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นราวร้อยละ 550 จาก 4,400 รายในปี 2010 เป็น 29,600 รายในปี 2024 ซึ่งกลุ่มที่ได้รับผลกระทบสูงสุดยังคงเป็นผู้ชายวัยหนุ่มที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายด้วยกัน
ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของฟิลิปปินส์ระบุว่ามีผู้ขึ้นทะเบียนติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรวม 149,375 ราย เมื่อนับถึงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน 5,583 ราย โดยจำนวนนี้อยู่ในระยะลุกลามแล้ว 895 ราย และผู้ติดเชื้อใหม่ส่วนใหญ่ (ร้อยละ 95) เป็นเพศชาย และหนึ่งในสามมีอายุ 15-24 ปี
ผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีของฟิลิปปินส์ในปี 2025 มีอายุ 1-73 ปี โดยอายุมัธยฐานอยู่ที่ 27 ปี และกลุ่มอายุ 15-34 ปี ครองส่วนแบ่งมากกว่าร้อยละ 70 ของผู้ติดเชื้อใหม่ สะท้อนแนวโน้มการระบาดขยายสู่คนอายุน้อยมากขึ้น ขณะที่มีการคาดการณ์ว่ามีชาวฟิลิปปินส์เป็นผู้ติดเชื้อราว 252,800 รายในปี 2025
ขณะเดียวกันจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในแต่ละเดือนของฟิลิปปินส์ยังคงเพิ่มขึ้นจากเฉลี่ย 1,435 รายในปี 2023 เป็น 1,459 รายในปี 2024 และเพิ่มเป็น 1,731 รายในไตรมาสสาม (กรกฎาคม-กันยายน) ของปี 2025 ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2024 ถึงร้อยละ 17 โดยร้อยละ 61 ของผู้ติดเชื้อใหม่ในไตรมาสสามมาจากมหานครมะนิลาและพื้นที่ใกล้เคียง ได้แก่ คาลาบาร์ซอน ทางตอนกลางของลูซอน ทางตอนกลางของวิซายัส และดาเวา
ตั้งแต่ปี 1984 ซึ่งเป็นปีแรกที่ฟิลิปปินส์ตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีรายแรกของประเทศ เพศชายครองส่วนแบ่งร้อยละ 94 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่มีการรายงาน และมีแนวโน้มตรวจพบการติดเชื้อเพิ่มขึ้นในกลุ่มคนอายุน้อยมากขึ้น โดยผู้ติดเชื้อในหมู่คนอายุต่ำกว่า 15 ปี เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 129 ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ส่วนในหมู่คนอายุ 15-24 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 106
ทั้งนี้ การมีเพศสัมพันธ์ยังคงเป็นสาเหตุหลักของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวีในฟิลิปปินส์ คิดเป็นร้อยละ 96 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดที่มีการรายงานตั้งแต่ปี 1984 โดยการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างผู้ชายด้วยกันครองส่วนแบ่งใหญ่และยังคงมีแนวโน้มครองส่วนแบ่งใหญ่อย่างต่อเนื่องในไตรมาสสามของปี 2025
แม้สัดส่วนผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีระยะลุกลามในฟิลิปปินส์ได้ลดลงตั้งแต่ปี 2021 แต่จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดยังคงเพิ่มขึ้น โดยมีรายงานผู้ติดเชื้อเสียชีวิตในไตรมาสสามของปี 2025 จำนวน 125 ราย ส่วนใหญ่อายุ 25-34 ปี และจำนวนผู้เสียชีวิตสูงเกิน 500 รายต่อปีมาตั้งแต่ปี 2016 ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมดตั้งแต่ปี 1984 อยู่ที่ 9,903 ราย
แรงงานต่างถิ่นครองส่วนแบ่งร้อยละ 7 ของผู้ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีทั้งหมดที่มีการรายงานในฟิลิปปินส์ ซึ่งเกือบทั้งหมดติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ ขณะเดียวกันมีผู้ติดเชื้อจากการค้าบริการทางเพศ 17,577 ราย เมื่อนับตั้งแต่ปี 2012 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
เหล่านักวิชาการและนักรณรงค์ด้านสาธารณสุขของฟิลิปปินส์กระตุ้นการขยายการตรวจหาเชื้อไวรัสเอชไอวี การให้ความรู้แก่เยาวชน การเพิ่มมาตรการช่วยเหลือแทรกแซงในชุมชน รวมถึงการเพิ่มการสนับสนุนผู้ติดเชื้อรับการรักษาและเข้าร่วมโครงการกดเชื้อไวรัสให้อยู่ในระดับต่ำอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีมาตรการขั้นเด็ดขาดและประสานงานอย่างเป็นระบบ ฟิลิปปินส์เสี่ยงสูญเสียความคืบหน้าในการต่อสู้กับเชื้อไวรัสเอชไอวี ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนาคตของคนทุกช่วงวัย
11 ธันวาคม 2568
11 ธันวาคม 2568