24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2568
>> รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะส่งน้ำแข็ง กลางถนนสาย 24 มีผู้เสียชีวิตเป็นว่าที่ครูคณิตศาสตร์ ที่เตรียมรายงานตัววันรุ่งขึ้น
07.30 น. รับแจ้ง กู้ภัยสยามบุรีรัมย์ มีอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ชนกับรถกระบะตู้ทึบ และมีผู้บาดเจ็บ บนถนนหมายเลข 24 ฝั่งขาออกนางรอง บริเวณใกล้เคียงโรงเรียนถนนหักพิทยาคม ต.ถนนหัก อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ดรีม สีดำ ป้ายทะเบียน บุรีรัมย์ ล้มคว่ำสภาพหน้ารถพังเสียหาย ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบเอกสาร เป็นชายไทย อายุ 24 ปี และห่างออกไป พบรถกระบะตู้ทึบส่งน้ำแข็ง ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ป้ายทะเบียน สุรินทร์ จอดอยู่ไหล่ทางสภาพท้ายรถฝั่งขวา มีร่องรอยการชนเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทราบจากญาติผู้เสียชีวิตว่า ผู้ตายสอบติดครู เตรียมจะไปรายงานตัวและทำการสอนวันแรกที่โรงเรียนบ้านเขว้า ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ในวันจันทร์ที่ 15 ธ.ค.นี้
ในส่วนของสาเหตุที่แท้จริงนั้นอยู่ที่การสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นางรอง
>> สรุปผลฟื้นฟูพื้นที่ อ.หาดใหญ่ ครบตามแผน 100% ก่อนประกาศลดระดับเป็นภัยระดับ 2 ส่งคืนพื้นที่ให้ จ.สงขลา
10.00 น. นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากการติดตามความคืบหน้าในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา อย่างต่อเนื่อง พบว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างแข็งขัน มีการผลัดเวรกันทำงานเป็นวงรอบตลอด 24 ชั่วโมง มีการระดมกำลังพลกว่า 6,603 ราย เครื่องจักรกลกว่า 689 รายการเข้าทำงานในพื้นที่ จนเมื่อวานนี้ (13 ธ.ค. 68) ทั้ง 4 โซน ได้ดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่ ขนขยะไปทิ้ง และล้างทำความสะอาดถนนในพื้นที่ที่ได้รับมอบหมายครบ 100%
โดยมีการขนขยะไปทิ้งรวม 118,670 ตัน ทำความสะอาดถนนรวม 394.3 กิโลเมตร ทุกเส้นทางได้รับการดูแลและทำความสะอาดครบถ้วนตามกำหนด เป็นไปตามข้อสั่งการ “7 วัน ประชาชนกลับบ้าน 14 วัน หาดใหญ่ต้องสะอาด“ ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่เกิดสถานการณ์ หน่วยงานทุกภาคส่วนได้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ทั้งด้านการดำรงชีพ มีการแจกถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม รวมถึงทั้งโรงครัวสนามแจกจ่ายให้แก่ประชาชน ด้านสาธารณูปโภค ปัจจุบันระบบไฟฟ้า ระบบประปา การสื่อสาร และโครงสร้างพื้นฐาน ได้รับการฟื้นฟูจนกลับมาใช้ได้ตามปกติในทุกพื้นที่ และด้านการฟื้นฟู ซึ่งได้มีการแบ่งพื้นที่การปฏิบัติงานเป็น 4 เขต
สำหรับการจ่ายเงินเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 2,000,000 บาท ปัจจุบัน ได้จ่ายเงินให้กับทายาทผู้เสียชีวิตในพื้นที่ จ.สงขลา จำนวน 11 ราย รายอื่น ๆ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล โดยได้กำชับให้หน่วยงานเร่งดำเนินการเพื่อจ่ายเงินให้กับทายาทผู้เสียชีวิตโดยเร็วต่อไป “การปฏิบัติการฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครั้งนี้ ไม่อาจสำเร็จได้โดยเร็ว
หากไม่ได้รับความร่วมมือจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในนามของรัฐบาล ผมขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน หน่วยทหาร ตำรวจ อาสาสมัคร มูลนิธิ ประชาชนจิตอาสา และเจ้าหน้าที่ทุกท่าน ที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันมาจากทั่วทุกสารทิศ มาช่วยเหลือเหตุการณ์อุทกภัยจังหวัดสงขลา ตั้งแต่ช่วงการเผชิญเหตุ การช่วยเหลือเยียวยา ไปจนถึงการฟื้นฟู และส่งคืนพื้นที่แก่ประชาชนได้ตามแผนที่กำหนดไว้“ นายศักดิ์ดา รมช.มหาดไทย กล่าว
>> ไลฟ์การ์ดป่าตอง ช่วยยื้อชีวิต นักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซีย หมดสติหน้าคว่ำกลางทะเล ขณะลงเล่นน้ำที่อ่าวป่าตอง อาการปลอดภัย
10.25 น. เกิดเหตุฉุกเฉินบริเวณเขตเล่นน้ำใกล้ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล (Life Guard Center) ชายหาดป่าตอง เมื่อมีนักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียเกิดอาการหน้าคว่ำในน้ำทะเล ซึ่งเป็นบริเวณระดับน้ำที่สามารถยืนได้ และ อยู่ในภาวะหมดสติ
ขณะเกิดเหตุ มีนักท่องเที่ยวที่เล่นน้ำอยู่ใกล้เคียงสังเกตเห็นความผิดปกติ จึงได้เข้าไปตรวจสอบและตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันที เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดของ เทศบาลเมืองป่าตอง ได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือและพบเหตุ จึงเร่งนำอุปกรณ์ช่วยชีวิตพร้อมชุดกู้ชีพเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
เจ้าหน้าที่สามารถนำผู้ประสบเหตุขึ้นจากทะเล ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่มีสัญญาณชีพและไม่รู้สึกตัว จึงได้ดำเนินการช่วยฟื้นคืนชีพด้วยวิธีการทำ CPR อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งผู้ประสบเหตุเริ่มมีสัญญาณชีพกลับมาอีกครั้ง
ภายหลังจากนั้น ได้ประสานรถพยาบาลของ กุศลธรรมภูเก็ต ในพื้นที่ป่าตอง เข้าร่วมให้การช่วยเหลือ และนำตัวนักท่องเที่ยวหญิงรายดังกล่าวส่งรักษาต่อยัง โรงพยาบาลป่าตอง โดยมีรายงานติดตามอาการในเบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยมีอาการปลอดภัย
>> รถกระบะเสียหลักข้ามเลน ชนประสานงากับรถกระบะอีกคัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต กลางปากท่อสายเก่า จ.สมุทรสงคราม
10.57 น. หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างเบญจธรรม สมุทรสงคราม รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันหลายคัน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บนถนนปากท่อสายเก่า หน้าร้านสะดวกซื้อ ใกล้เคียงทางเข้าวัดสาธุชนาราม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีเทา ทะเบียน นครปฐม สภาพด้านหน้าพังยับเยิน ใกล้กันพบรถกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ทะเบียน สมุทรสงคราม สภาพหน้ารถพังเช่นกัน ตรวจสอบภายในรถมิตซูฯ พบร่างคนขับเสียชีวิต เป็นชายไทย อายุประมาณ 60 ปี และพบว่ามีอุบัติเหตุซ้ำซ้อน เป็นรถนั่งส่วนบุคคล 1 คันและรถจักรยานยนต์อีก 2 คัน ตรวจสอบมีผู้บาดเจ็บอีก 4 ราย ทางอาสาสมัครช่วยเหลือและนำส่ง รพ.สมเด็จพระพุทธเลิศหล้าฯ และ รพ.อัมพวา
ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสงคราม คาดว่าเบื้องต้น รถกระบะอีซูซุ กำลังขับรถมุ่งหน้าเข้าตลาดแม่กลอง คาดว่าคนขับจะเกิดอาการวูบหลับใน ทำให้รถเสียหลักข้ามเลน และชนกับรถกระบะมิตซูฯ อีกคันที่กำลังขับออกจากร้านสะดวกซื้ออย่างจัง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะดำเนินการสอบสวนพยานและรวบรวมหลักฐานอย่างละเอียด เพื่อสรุปสาเหตุที่แท้จริงของอุบัติเหตุในครั้งนี้ และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> รัฐบาล ประณามกัมพูชา ไร้มนุษยธรรม ใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนเสียชีวิต จงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุ
13.23 น. นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 11.50 น. ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่หมู่ 4 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ มีเหตุลูกระเบิดกระสุน BM-21 ระดมยิงลงพื้นที่บ้านหนองเม็ก ม.4 ต.เสาธงชัย มีผู้เสียชีวิต 1 นาย คาดว่าถูกสะเก็ดระเบิด บริเวณ หน้า รร. หนองเม็ก
พร้อมกันนีั เหตุการณ์เดียวกันได้เกิด ไฟไหม้จากเหตุลูกระเบิด BM-21 จำนวน 1 หลัง เสียหายทั้งหลัง และยังมีบ้านเรือนอีกหลายหลังถูกสะเก็ดระเบิด แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ เนื่องจากอพยพ ออกนอกพื้นที่ ทั้งนี้ ได้ประสานรถดับเพลิงแล้ว
“รัฐบาลขอประณามต่อการกระทำอันโหดร้ายและไร้มนุษยธรรมของฝ่ายกัมพูชา จากการใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงตกเข้ามาในพื้นที่พลเรือนในเขตแดนไทย ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต และสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือน และทรัพย์สินของประชาชน ก่อให้เกิดความหวาดกลัวต่อความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ขอยืนยันว่า พลเรือนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารใด ๆ และการใช้อาวุธโจมตีพื้นที่พลเรือนเช่นนี้ไม่อาจยอมรับได้ภายใต้หลักสากล และนี่เป็นความจงใจ ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างที่ทางกัมพูชา มักจะอ้างอย่างแน่นอน“ นายสิริพงศ์ กล่าว
>> นายกฯ อนุทิน ลงพื้นที่บุรีรัมย์ เยี่ยมให้กำลังใจผู้อพยพ จ.บุรีรัมย์
16.15 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เป็นการส่วนตัว ในวันหยุดและอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจพี่น้องประชาชนผู้อพยพ ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีผู้อพยพจากหลายพื้นที่เข้ามาพักพิงภายในศูนย์ฯ รวมกว่าหมื่นคน
บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง นายกรัฐมนตรีได้ทักทาย พูดคุย รับฟังปัญหา และสอบถามความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนด้วยความห่วงใย พร้อมลงมือทำ “ผัดไท” ด้วยตนเอง แจกจ่ายให้ผู้อพยพภายในศูนย์ฯ สร้างรอยยิ้มและกำลังใจให้กับทุกคน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ตักข้าวใส่จานให้เด็กหญิงคนหนึ่งที่เดินตามมาตั้งแต่ทางเข้า สะท้อนถึงความเอาใจใส่และความใกล้ชิดในบรรยากาศเรียบง่าย ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจำนวนมากได้เข้ามาจับมือ โอบกอด และร่วมส่งกำลังใจ ท่ามกลางความสามัคคีและความหวัง
การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เป็นการย้ำถึงความห่วงใยของรัฐบาล และพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน ที่จะก้าวผ่านสถานการณ์อันยากลำบากไปด้วยกันอย่างเข้มแข็ง
>> ทหารไทย ยึดขีปนาวุธ GAM-102LR สัญชาติจีนรุ่นใหม่ได้ หลังเข้าตีฐานกัมพูชาบนเนิน 500
16.39 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน กองทัพบก ยืนยันว่า ทหารไทยสามารถยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM-102LR สัญชาติจีน จากทหารกัมพูชาบนเนิน 500 ได้เป็นจำนวนมาก
สำหรับขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี (ATGM) ยุคที่ 5 เป็นระบบนำวิถีที่มีความสามารถทันสมัยและตอบสนองทั้งงานต่อต้านรถถังและการโจมตีเป้าหมายยุทโธปกรณ์อื่นๆ ระบบรุ่นใหม่ที่มีฟีเจอร์ครบทั้งความแม่นยำสูงและความยืดหยุ่นในการใช้งาน ระยะยิง มาตรฐาน 6-10 กิโลเมตร โดยขีปนาวุธดังกล่าวเป็นอาวุธที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อช่วงต้นปีนี้ และถือเป็นการค้นพบอาวุธหนักและทันสมัยที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในแนวรบ
ขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถี (ATGM) ยุคที่ 5 ผลิตโดยจากผลิตโดย ประเทศจีน โดยบริษัทหลัก Poly Defence (สาย GAM/Bolas) ใช้ได้ทั้งโดยการบุกทางยุทธวิธีของทหารและติดตั้งบนยานพาหนะ
ทั้งนี้ คาดว่าฐานกัมพูชายังไม่มีความชำนาญในการใช้ประกอบกับกำลังทหารฝ่ายไทยได้เข้าโจมตีและยึดพื้นที่ได้ก่อนจึงได้ทิ้งของดังกล่าวแล้วหลบหนีไป
>> กรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภาคใต้ ระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ส่วนไทยตอนบน หนาวเย็นลง
17.00 น. กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 24 โดยระบุว่า
ช่วงวันที่ 14-16 ธ.ค. 68 ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกหนักหลายพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรัง และสตูล เนื่องจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังแรงขึ้น โดยอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร อ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันห่างฝั่งและบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
อนึ่ง สำหรับประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีฝนเกิดขึ้นได้ในวันนี้(14 ธ.ค.) หลังจากนั้นจะมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรงโดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส ส่วนภาคเหนือ ภาคกลาง กรุงเทพมหานครรวมทั้งปริมณฑล และภาคตะวันออก จะมีอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทั้งนี้เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นลง ส่วนเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย
>> กองทัพบกชี้ กัมพูชา กักคนไทยที่ด่านปอยเปต ไม่ยอมให้กลับบ้าน ละเมิดสิทธิมนุษยชน อาจเข้าข่ายอาชญากรสงคราม
18.50 น. จากกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาแสดงพฤติการณ์อย่างชัดเจน ในการขัดขวางการเดินทางกลับประเทศไทยของประชาชนชาวไทยจำนวนหลายพันคน ณ ด่านปอยเปตนั้น
ล่าสุด พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายเป็นการควบคุมตัวพลเรือนโดยมิชอบ หรือมีลักษณะใกล้เคียงกับการจับตัวพลเรือนไปเป็นตัวประกัน อันอาจก่อให้เกิดความเข้าใจในระดับนานาชาติว่าเป็นการกักกันตัวโดยผิดกฎหมาย และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน โดยเฉพาะสิทธิและเสรีภาพในการเดินทางกลับประเทศภูมิลำเนาของตนเอง
นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวยังอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ได้แก่ อนุสัญญาเจนีวา ว่าด้วยการคุ้มครองพลเรือนในเวลาการรบหรือการสงคราม ลงวันที่ 12 สิงหาคม ค.ศ.1949 รวมถึงพิธีสารเพิ่มเติมของอนุสัญญาเจนีวา และพิธีสารที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากการขัดกันด้วยอาวุธระหว่างประเทศ ค.ศ. 1977
ทั้งนี้ ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกักกันตัวพลเรือนโดยมิชอบดังกล่าว อาจมีความผิดเข้าข่ายเป็นอาชญากรสงคราม ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
>> พบกัมพูชาเคลื่อนกำลังประชิดภูมะเขือ-พระวิหาร-สัตตะโสม และภูผี พร้อมยิงปืนใหญ่เข้ามาตลอดเวลา ทหารไทยตอบโต้ทันที เพื่อทำลายกำลังข้าศึก
21.00 น. รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการข่าวชายแดนไทย-กัมพูชา พบว่ายัง ยังมีการเคลื่อนย้ายกำลังทางทหารของกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ทางทิศใต้ของภูมะเขือ, พระวิหาร, สัตตะโสม และภูผี อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ทางกัมพูชายังคงยิงปืนใหญ่เข้ามายังฝั่งไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเคลื่อนย้ายกำลังพลเข้ามาประชิดชายแดน โดยทางฝั่งเราได้ทำการยิงปืนใหญ่ส่องสว่างและปืนใหญ่สวนกลับไปทันที เพื่อทำลายกำลังข้าศึกดังกล่าว
>> แผ่นดินไหว บริเวณหมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย
23.21 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุแผ่นดินไหว ขนาด 4.7 ความลึก 120 กม. บริเวณพื้นที่หมู่เกาะนิโคบาร์ ประเทศอินเดีย ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ประมาณ 467 กม. ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
>> รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนล้มคว่ำ กลางถนนสุวรรณภูมิ 3 พบทั้งผู้บาดเจ็บและมีเสียชีวิตหญิง 2 ราย จ.สมุทรปราการ
01.00 น. รับแจ้งจากกู้ชีพปราการ ว่าเกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน แล้วเกิดเพลิงลุกไหม้ และมีผู้บาดเจ็บหลายราย บนถนนเลียบรันเวย์สุวรรณภูมิ 3 ฝั่งมุ่งหน้าออกถนนเทพรัตน ช่วงเลยสะพานข้ามคลองหนองปรือ ประมาณ 1 กม. ในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า จีออโน่ สีเทา ป้ายทะเบียน กทม., รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ฟอร์ซ่า สีดำ ป้ายทะเบียน กทม., รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สีเทา ยังไม่ทราบทะเบียน และ รถจักรยานยนต์ ฮอนด้า ฟอร์ซ่า ยังไม่ทราบสีและทะเบียน เนื่องจากเพลิงไหม้เสียหายทั้งคัน
จากการตรวจสอบ พบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 5 ราย โดยเป็นชาย 3 ราย และหญิง 2 ราย และต่อมาได้รับการยืนยันว่าที่เกิดเหตุ มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นผู้หญิงไทย อายุ 32 ปีเท่ากันทั้งคู่ ในส่วนของผู้บาดเจ็บทั้ง 3 รายนั้นทางอาสากู้ชีพ - กู้ภัยเร่งนำส่ง รพ.ใกล้เคียง ทางด้านพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะเข้าสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
15 ธันวาคม 2568
15 ธันวาคม 2568