24 ชั่วโมงข่าว 91 ประจำวันที่ 15 ธันวาคม 2568
>> ไฟไหม้โรงงาน ย่านเพชรเกษมซอย 54 รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
06.16 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในโรงงาน ซอยเพชรเกษม 54 แยก 7 ถนนเพชรเกษม แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
สถานที่เกิดเหตุ ซอยเพชรเกษม 54 แยก 7 ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายรองเท้ายาง ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นโกดังชั้นเดียวโครงสร้างเหล็กหลังคาเมทัลชีท ต้นเพลิงเกิดขึ้นภายในโกดัง เพลิงลุกไหม้อุปกรณ์ผลิตยาง ลุกลามวัตถุดิบสียาง พื้นที่เพลิงไหม้เสียหายโดยประมาณ 4 ตารางเมตร รถดับเพลิงใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรที่อุปกรณ์ผลิตยาง ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางแค
>> 2 สาววัย 20 ปีขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยายนต์ชนกับรถพ่วง ริมถนนสุขุมวิท เสียชีวิตทั้งคู่ จ.ชลบุรี
07.30 น. รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง 18 ล้อและมีผู้เสียชีวิต ริมถนนสุขุมวิท ขาเข้าพัทยา ในพื้นที่ ต.ทุ่งสุขา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ยามาฮ่า สีดำ ป้ายทะเบียน ตราด ลักษณะชนกับรถพ่วง ใกล้กันพบร่างของผู้เสียชีวิต 2 ราย ตรวจสอบเป็นผู้หญิง อายุประมาณ 20 ปี
คนขับรถพ่วงให้การว่า จอดรถเพื่อเตรียมเข้าเทียบท่าเรือ ก่อนจะได้ยินเสียงดังและพบว่ารถจักรยานยนต์พุ่งชนท้ายรถ เบื้องต้นตำรวจ สภ.แหลมฉบัง ตรวจสอบที่เกิดเหตุ เก็บหลักฐาน และนำร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่ รพ.แหลมฉบัง พร้อมติดต่อญาติและสอบสวนหาสาเหตุอุบัติเหตุต่อไป
>> รถกระบะชนกับรถกระบะโดยสารสองแถว ทำให้ชาวบ้านและนักเรียนบาดเจ็บระนาว
07.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชลบุรี ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุกระบะชนท้ายรถสองแถวโดยสาร และมีผู้บาดเจ็บหลายราย ถนนสุขุมวิท บริเวณฝั่งตรงข้ามตึกน้ำ ขาเข้าเมืองชลบุรี ต.บ้านสวน อ.เมือง จ.ชลบุรี
ที่เกิดเหตุ พบรถกระบะโดยสารสองแถว สีแดง ป้ายทะเบียน ชลบุรี สายหนองมน-ชลบุรี จอดอยู่สภาพท้ายรถพังยับเยิน ใกล้กันพบรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีเทา ป้ายทะเบียน ชลบุรี จอดอยู่สภาพหน้ารถฝั่งซ้ายพังยับเยิน ในที่เกิดเหตุมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 14 ราย อาสากู้ภัยเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนจะนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรี
จากการสอบถาม นักเรียน ที่โดยสารมากับรถสองแถวได้เปิดเผยว่า ตอนนั่งอยู่ในรถและมีเพื่อนเพื่อนนักเรียนด้วยกันอีกหลายคนอยู่บนรถจากนั้นก็มีเสียงชนดังโครมทำให้รถสองแถวกระเด็นตนกับเพื่อนได้รับบาดเจ็บและมีเพื่อนอีกคนกระเด็นตกรถจนสลบ
คนขับรถกระบะ ได้เปิดเผยว่าตนกำลังจะกลับตลาดมาถึงที่เกิดเหตุตนมีอาการวูบหลับในทำให้รถเสียหลักพุ่งชนท้ายรถสองแถวจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนคนขับรถกระบะเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
>> สิ้นชื่อ "KK Park–ชเวก๊กโก" ไทย–จีน–เมียนมา ผนึกกำลังทลายรังแก๊งคอลฯ เตรียมส่งตัวกลับจีนล็อตใหญ่
09.00 น. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์ (ACSC) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. ร่วมกับ นายหลิวจงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน และทางการเมียนมา ลงพื้นที่ชายแดน อ.แม่สอด จ.ตาก ปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมข้ามชาติครั้งใหญ่ เข้าตรวจสอบและทุบทำลายฐานที่มั่นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชื่อดัง “KK Park” และ “ชเวก๊กโก” จนไม่เหลือสภาพใช้งาน ตัดแหล่งกบดานกลุ่มมิจฉาชีพอย่างเด็ดขาด
ต่อมา มีการประชุมไตรภาคี ณ สะพานมิตรภาพไทย–เมียนมา แห่งที่ 2 โดยทั้งสามฝ่ายเห็นพ้องใช้กลไก ACSC เป็นศูนย์กลางแลกเปลี่ยนข้อมูล ตั้งคณะทำงานร่วมเร่งขยายผลเครือข่าย พร้อมตัดปัจจัยสนับสนุน เช่น ไฟฟ้าและสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่ชายแดน รวมถึงอำนวยความสะดวกการส่งตัวผู้ต้องหาชาวต่างชาติกลับประเทศต้นทาง
โดยผลปฏิบัติการ ทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ชาวจีนจำนวนมากถูกจับกุมในเมืองเมียวดี เตรียมส่งกลับไปดำเนินคดีที่จีน ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่าพื้นที่ชายแดนจะไม่ใช่แหล่งหลบซ่อนของอาชญากรอีกต่อไป
>> จ.หนองคาย แถลงจับยาเสพติด "ยาบ้า" 120,030 เม็ด คีตามีน 1 กิโลกรัม
10.00 น. ณ หน่วยเรือโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย นายศรัณย์ศักด์ ศรีเครือเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย มอบหมายให้ นายไพฑูรย์ มหาชื่นใจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย เป็นประธานในการแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 120,030 เม็ด, คีตามีน 1 ถุง ถุง ละ 1 กิโลกรัม พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชายไทย 1 ราย อายุ 33 ปี ราษฎร บ้านเมืองบาง ตำบลวัดธาตุ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
จุดเกิดเหตุบริเวณถนนการเกษตรหลังวัดศิริวาลุกาลัย บ้านหัวหาด ตำบลบ้านเดื่อ อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย
>> ศาลนัดไต่สวนคดีหมิ่นฯ “ลิลลี่ เหงียน” ถูก “ปู มัณฑนา” ฟ้อง เจ้าตัวยืนยันยกโทษแล้ว วอนถอนฟ้อง
12.04 น. ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องคดีหมายเลขดำ ซึ่งนางมัณฑนา หิมะทองคำ นักแสดงชื่อดัง เป็นโจทก์ฟ้อง ลิลลี่ เหงียน และนางสาวอำนวยพร มณีวรรณ หรือทนายกุ้ง ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา โดยมีนางสาวรัศมี ทองสิริไพรศรี หรือ “ลูกหมี” นางแบบชื่อดัง คู่กรณีของนางมัณฑนา เดินทางมาให้กำลังใจฝ่ายจำเลย
ลิลลี่ เหงียน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้ยกโทษให้นางมัณฑนาไปแล้วจากเรื่องที่เคยขัดแย้งกัน และไม่คิดจะฟ้องร้องกันอีก พร้อมยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวผ่านมานานกว่า 2 ปีแล้ว ควรเริ่มต้นใหม่ได้ จึงอยากขอให้อีกฝ่ายเมตตาและถอนฟ้อง เนื่องจากการต้องขึ้นศาลส่งผลกระทบต่อชีวิตและครอบครัวอย่างมาก ขณะที่นางสาวอำนวยพร ระบุว่า คดีดังกล่าวเป็นคนละข้อความและคลิปวิดีโอ แต่เป็นคลิปที่กล่าวถึงนางมัณฑนา โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นพยานหลักฐานที่ใช้ฟ้อง พร้อมย้ำว่าไม่คิดจะฟ้องคู่กรณีกลับ และอยากให้เรื่องจบลงด้วยความเข้าใจและการให้อภัยกัน
>> รวบแก๊งหลอกดาวน์-ขโมยรถมอเตอร์ไซค์ ยึดกระบะตู้ทึบลักลอบขนมอเตอร์ไซค์ 15 คัน
12.22 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน ตำรวจทางหลวงขยายผลสกัดขบวนการลักลอบขน รถจักรยานยนต์ผิดกฎหมายส่งออกไป สปป.ลาว หลังสืบทราบว่าจะใช้รถกระบะตู้ทึบ 2 คัน ลำเลียงรถผ่านเส้นทาง ทล.12 อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร และ ทล.292 อ.เมืองยโสธร จ.ยโสธร โดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร
เจ้าหน้าที่วางแผนสกัดจับและสามารถควบคุมรถต้องสงสัยทั้ง 2 คันได้ คันแรกมีชายอายุ 22 ปี เป็นคนขับ ตรวจพบรถจักรยานยนต์ 9 คัน ส่วนอีกคันมีชายอายุ 30 ปี เป็นคนขับ และชายอายุ 19 ปี ตรวจพบรถจักรยานยนต์ 6 คัน ผู้ต้องหามีท่าทีพิรุธ ให้การไม่ชัดเจน ก่อนรับสารภาพว่ารับจ้างขนรถโดยติดต่อผ่านแอปพลิเคชัน LINE ได้ค่าจ้างคันละประมาณ 1,500 บาท และเคยทำมาแล้วหลายครั้ง
จากการสืบสวนพบว่ารถจักรยานยนต์ส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการเช่าซื้อ บางคันเพิ่งเช่าซื้อได้เพียงไม่กี่วัน ก่อนถูกนำไปขายต่อให้ขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งมีแหล่งรับรถจากกรุงเทพฯ ปริมณฑล ภาคกลาง และภาคตะวันออก ก่อนลำเลียงออกนอกราชอาณาจักรในช่วงเวลากลางดึก
ขบวนการดังกล่าวมีการแบ่งหน้าที่ชัดเจนเป็นกลุ่มจัดหารถ กลุ่มขนส่ง และกลุ่มนายทุน ใช้ LINE และ Telegram ในการสั่งงานอย่างเป็นระบบ ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างขยายผลถึงผู้ว่าจ้าง นายทุน และเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
>> กองทัพภาคที่ 2 ควบคุมพื้นที่ "ปราสาทตาควาย" ได้แล้ว
12.30 น. พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยว่า ได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 เกี่ยวกับสถานการณ์การสู้รบว่า ปัจจุบันสามารถผลักดันทหารกัมพูชาออกจากบริเวณพื้นที่
“ตัวปราสาทตาควาย” และเข้าควบคุมพื้นที่ได้แล้ว ขณะที่ที่หมายสำคัญโดยรอบ โดยเฉพาะเนิน 350 และพื้นที่สูงข่มในบริเวณใกล้เคียง ยังคงอยู่ระหว่างการปฏิบัติการเข้าควบคุมพื้นที่ตามแผนดำเนินกลยุทธ์
โฆษกกองทัพบกยังกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ฝ่ายกัมพูชาได้ตอบโต้ด้วยการใช้อาวุธทุกชนิดระดมโจมตีพื้นที่ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งทำลายกำลังฝ่ายไทยและพยายามช่วงชิงพื้นที่คืน ทำให้สถานการณ์ยังไม่อาจวางใจได้ และยังต้องใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการปฏิบัติการ
ทั้งนี้ พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกได้ติดตามการปฏิบัติการสำคัญในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ เพื่อป้องกันลดการบาดเจ็บและความสูญเสียของกำลังพลให้ได้อย่างดีที่สุด
>> นายกฯ ถกด่วน เลขา สมช. ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา สายลับเขมร ยึดขีปนาวุธสัญชาติจีน
13.17 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้เชิญนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ เลขา สมช. เข้าพบหารือ ที่ทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากยังมีวาระที่ต้องหารือในหลายเรื่อง ทั้งกรณีการเสนอการสกัดกั้นการส่งยุทธปัจจัยทางทะเล เรื่องการตรวจยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังนำวิถียุคที่ 5 รุ่น GAM - 102 LR สัญชาติจีน ที่บริเวณเนิน 500 วานนี้ รวมถึงสายลับและทหารรับจ้างของฝ่ายกัมพูชา ที่แทรกซึมเข้ามาในไทย ซึ่งเรื่องนี้ก็ให้ติดตาม และเฝ้าระวังพื้นที่อยู่แล้ว
ส่วนการช่วยเหลือคนไทยที่ต้องการเดินทางกลับประเทศโดยเครื่องบิน นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพร้อมดำเนินการทุกการช่วยเหลือ แต่ยังไม่ได้พูดคุยรายละเอียดกับกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งในส่วนของการทำงานปกติ ก็ทำงานอยู่ ไม่ต้องมาขออนุมัติกับนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่า เรื่องการให้ความสะดวก และความปลอดภัยกับคนไทยทุกหน่วยงานสามารถทำได้เลย พร้อมยอมรับว่า ที่จะเหมาเครื่องบินพาณิชย์ไปรับ ถ้าอะไรที่ทำให้คนไทยได้รับความสะดวก พร้อมทำหมด โดยขณะนี้ ได้รับรายงาน ว่า มีคนไทยติดค้างอยู่หลายพันคน ก็จะดำเนินการเต็มที่
ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะขยายพื้นที่ประกาศกฎอัยการศึก นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขึ้นอยู่สถานการณ์ แต่คิดว่าคงไปถึงจุดนั้น
>> ไรเดอร์วัย 16 ปี รถล้มมุดใต้รถพ่วงปูน เสียชีวิต บนทางลงต่างระดับพระราม 2
13.50 น. สน.แสมดำ ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกพ่วงปูนซีเมนต์เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต บริเวณทางลงต่างระดับพระราม 2 ถนนพระราม 2 ขาออก มุ่งหน้ามหาชัย ช่องทางคู่ขนาน แขวงแสมดำ
ที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า เวฟ ล้มอยู่ชิดแบริเออร์ และรถบรรทุกพ่วงปูนซีเมนต์จอดอยู่ใกล้กัน พบผู้เสียชีวิต1 ราย เป็นชายไทย อายุ 16 ปี
จากการสอบสวนเบื้องต้น คนขับรถบรรทุกพ่วงปูนให้การว่า ขับมาในช่องซ้ายสุดและไม่เห็นผู้ขับขี่จักรยานยนต์ จนมีผู้แจ้งให้หยุดรถ คาดว่าผู้ตายขี่จักรยานยนต์มาในช่องซ้ายเพื่อจะแซง ขณะเป็นทางลงสะพานและช่องจราจรคับแคบ ทำให้รถเสียหลักล้มและเกิดอุบัติเหตุขึ้น พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวคนขับรถบรรทุกไปสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนร่างผู้เสียชีวิตส่งชันสูตรที่นิติเวช รพ.ศิริราช ก่อนประสานญาติมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
>> รวบโจรลักชุดชั้นใน สารภาพนำไปสูดดมสำเร็จความใคร่
16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.รัตนาธิเบศร์ ได้ร่วมกันจับกุมตัว ชาย อายุ 47 ปี พร้อมด้วยของกลางเสื้อชั้นใน 4 ตัว และชุดที่ใส่วันก่อเหตุ 1 ชุด โดยกล่าวหาว่า ลักทรัพย์ในเวลากลางวัน
การจับกุมสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2568 มีหญิงสาวผู้เสียหาย ได้เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวนของ สภ.รัตนาธิเบศร์ ว่าได้ตากชุดชั้นในไว้ที่ราวหน้าห้องพัก ปรากฎว่าเสื้อในได้หาย 4 ตัว เหตุเกิดห้องเช่าแห่งหนึ่ง ย่านงามวงศ์วาน ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าทีตำรวจได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบคนร้ายเป็นชาย สวมเสื้อแขนยาวสีชมพู สวมหมวกแก๊ป ได้เดินเข้าที่ราวตากผ้าแล้วรีดเสื้อชั้นใน เอาซุกไว้ในเสื้อแล้วหลบหนีไป
ต่อมาตำรวจได้สืบทราบคนร้าย คือ ชายคนดังกล่าว ซึ่งเป็นคนงานเฝ้าโกดังอยู่ติดกับห้องเช่าที่เกิดเหตุ ได้เข้าตรวจค้นพบของกลางดังกล่าวก่อนนำตัวมาดำเนินคดี ชายคนดังกล่าว ให้การอ้างว่า พูดไม่ค่อยชัดเพราะเคยผ่าตัดสมอง ส่วนเสื้อในลักเอาไปสูดดมสำเร็จความใคร่ สอบสวนแล้วนำตัวผู้ต้องหา ส่งพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี
>> ผู้ว่าฯ อ่างทองสั่งการแจ้งความเอาผิดคนลักลอบเผาพื้นที่เกษตรย่านโพสะ
17.26 น. ผู้สื่อข่าวรายงาน จากเหตุเพลิงไหม้พื้นที่เกษตรหมู่ 8 หลังชุมชนทรัพย์เมืองทอง ตำบลโพสะ อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ผ่านมา ทำให้เพลิงไหม่เป็นวงกว้าง และมีกลุ่มควันขนาดใหญ่ในพื้นที่นั้น
ล่าสุด นายนที มนตริวัติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทอง ได้สั่งการเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด โดยนายรักศักดิ์ เทียนไชย นายอำเภอเมืองอ่างทอง ได้มอบหมายให้ปลัดอำเภอ แจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอ่างทอง เรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
>> ทหารเรือใช้กฎอัยการศึก บุกรวบครอบครัวกัมพูชาในเมืองตราด
17.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารเรือและหน่วยงานความมั่นคง ได้ปฏิบัติการสำคัญภายใต้กฎอัยการศึก โดยการบุกเข้าจับกุมสมาชิกครอบครัวชาวกัมพูชาครอบครัวหนึ่งในพื้นที่จังหวัดตราด
การควบคุมตัวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า ลูกเขย ของครอบครัวดังกล่าวเป็น นายตำรวจยศพันตำรวจโท (ผู้พัน) สังกัดตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ของประเทศกัมพูชา
เจ้าหน้าที่ได้นำตัวสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดไปสอบสวนอย่างเข้มข้น และทำการยึดโทรศัพท์มือถือจำนวน 4 เครื่อง เพื่อตรวจสอบหลักฐานทางดิจิทัล โดยพบประวัติการพูดคุยกับนายตำรวจยศผู้พันคนดังกล่าว ก่อนที่จะมีการบล็อกบัญชีไลน์ในภายหลัง
ด้านผู้ถูกควบคุมตัว อ้างว่าได้ทะเลาะกับผู้พันเรื่องชู้สาว จึงเป็นเหตุให้บล็อกไลน์ไป แต่ทางเจ้าหน้าที่ความมั่นคงยังไม่ปักใจเชื่อ ในคำกล่าวอ้างดังกล่าว และจะดำเนินการสืบสวนเชิงลึกต่อไป เพื่อหาความเชื่อมโยงที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ
>> ไทยยืนยันไม่มีการปิดกั้น ‘อ่าวไทย’ ย้ำการผลักดันหลักควบคุมเรือไทย เพื่อไม่ให้ลำเลียงยุทธปัจจัยเข้าไปยังกัมพูชา
17.54 น. นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงกรณีกระแสข่าวที่มีการเผยแพร่อย่างกว้างขวางในสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการปิดกั้นน่านน้ำสกัดการส่งออกน้ำมัน-ยุทธปัจจัยไปยังกัมพูชา โดยยืนยันว่าประเทศไทยไม่ต้องการยกระดับสถานการณ์ การดำเนินการต่าง ๆ ของไทย เป็นไปเพื่อปกป้องอธิปไตยและลดภัยคุกคามเท่านั้น พร้อมย้ำว่าประเทศไทยปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรม และกฎหมายระหว่างประเทศ คือ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (UNCLOS) ค.ศ. 1982 ที่ให้ความสำคัญอันดับต้นกับการรักษาเสรีภาพในการเดินเรือ (Freedom of Nevigation) และไม่ประสงค์ให้ส่งผลต่อการค้า การคมนาคม หรือห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งไทยยึดหลักนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อสื่อสารต่อประเทศที่สาม และประชาคมต่างประเทศ
เช่นเดียวกับ พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวยืนยันว่า กองทัพเรือไม่มีการปิดกั้นน่านน้ำไทย และไม่มีเจตนาเรื่องนี้ การดำเนินการของไทย เป็นไปเพื่อสกัดกั้นการส่งกำลังบำรุงและยุทธปัจจัยไปสู่กัมพูชาเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมามีหลายบริษัทเดินเรือของไทย ที่ใช้เรือไทยลำเลียงน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในพื้นที่กัมพูชา และกองทัพเรือพยายามพูดคุยกับบริษัทเหล่านั้น เพื่อขอความร่วมมือ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้จะมีการพิจารณาใน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) อีกครั้ง
ทั้งนี้ กรณีพื้นที่จังหวัดตราด ยังคงประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน (เคอร์ฟิว) ซึ่งส่งผลให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนนั้น กองทัพเรือตระหนักถึงผลกระทบดังกล่าว และยืนยันว่า จะใช้มาตรการเคอร์ฟิวให้สั้นที่สุด เพื่อลดความเดือดร้อนและเพื่อความปลอดภัยของประชาชน ซึ่งปัจจุบัน ยังพบกลุ่มคนที่ไม่หวังดีเข้ามาในพื้นที่จังหวัดตราด ส่วนประชาชนที่จำเป็นต้องเดินทางสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ประสานจุดตรวจต่าง ๆ ได้
>> ก.พลังงาน สั่งตรวจสอบ "ทางบก-ทางเรือ" ร่วมมือกองทัพเต็มที่ สกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา
20.34 น. นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าว นำเสนอเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันผ่านทางด่านช่องเม็ก อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี ไปยัง สปป.ลาว ว่าอาจมีการลักลอบส่งต่อน้ำมันให้ประเทศกัมพูชาหรือไม่นั้น กระทรวงพลังงาน โดย กรมธุรกิจพลังงาน เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอย่างละเอียด ทั้งข้อมูลปริมาณการส่งออกในอดีตเทียบกับปัจจุบัน เส้นทางในการส่งออก รวมถึงได้กำชับผู้ค้าน้ำมันทุกรายในการปฏิบัติตามมาตรการห้ามส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิงในทุกด่านตลอดแนวชายแดน ไทย - สปป.ลาว ที่อาจจะสามารถส่งต่อไปยังกัมพูชาได้ ส่วนที่ปรากฎภาพรถน้ำมันที่ตกค้างตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้นนั้น เป็นผลมาจากมาตรการคุมเข้มในการส่งออกน้ำมัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการบริหารจัดการและประสานกับผู้ค้าน้ำมันเพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่ง และน้ำมันจะต้องถูกส่งไปยังจุดหมายปลายทางที่กำหนดใน สปป.ลาว เท่านั้น
นอกจากมาตรการป้องกันการส่งน้ำมันทางบกแล้ว กรมธุรกิจพลังงานได้ติดตามตรวจสอบไม่ให้มีการส่งออกน้ำมันทางเรืออย่างเข้มงวด เพื่อเป็นการจำกัดการส่งออกน้ำมันให้ครอบคลุมทุกช่องทาง ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะติดตามการกำกับดูแลมาตรการที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ เพื่อนำมาซึ่งความสงบสุขของประเทศ และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย
>> เพลิงไหม้รถจักรยานยนต์ ซอยพหลโยธิน 54/2 ประชาชนช่วยกันใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ
21.27 น. สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แจ้งเหตุเพลิงไหม้ สถานที่เกิดเหตุ ใกล้เคียงซอยพหลโยธิน 54/2 ถนนพหลโยธิน แขวงสายไหม เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร
ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน กรุงเทพมหานคร รถใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง เพลิงลุกไหม้บริเวณชุดควบคุมระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์ ประชาชนใช้น้ำทำการดับเพลิงสงบ ก่อนรถดับเพลิงถึงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงใช้น้ำทำการระบายความร้อน
ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นสาเหตุเพลิงไหม้ไม่สามารถตรวจสอบได้ เนื่องจากเพลิงลุกไหม้เสียหายบริเวณชุดควบคุมระบบไฟฟ้าของตัวรถ ที่เกิดเหตุไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พื้นที่รับผิดชอบของสถานีดับเพลิงและกู้ภัยบางเขน
>> แผ่นดินไหว ที่ประเทศเมียนมา
02.06 น. กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งเหตุ แผ่นดินไหว ขนาด 2.9 ความลึก 10 กม. ภายในพื้นที่ของประเทศเมียนมา ศูนย์กลางห่างออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.ขุนยวม จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 159 กม. ไม่มีรายงานผลกระทบต่อประเทศไทย
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568
16 ธันวาคม 2568
รถจักรยานยนต์ชนกับรถพ่วง หนุ่มวัย 26 ปี เสียชีวิตกลางถนนฉลองกรุง
16 ธันวาคม 2568